กาญจนบุรี 23 มิ.ย. – คดีน้องดาวเสียชีวิตปริศนาที่บ้านญาติของเพื่อนชายในจังหวัดกาญจนบุรี ตำรวจคุมตัวกลุ่มวัยรุ่นชายหญิง 5 คนที่อยู่ด้วยกันในคืนเกิดเหตุ สอบเครียด 7 ชั่วโมง แต่ยังให้การคลุมเครือ
ความคืบหน้ากรณีน้องดาว นักเรียน ม. 6 วัย 18 ปี ซึ่งนางรำของโรงเรียนมัธยม ชื่อดังในจังหวัดกาญจนบุรี ถูกพบเสียชีวิตอยู่บนเก้าอี้ไม้หน้าบ้านญาติของเพื่อนชายในอำเภอท่าม่วง และพ่อแม่น้องดาวยังคาใจสาเหตุการเสียชีวิตว่าลูกสาวอาจถูกมอมยาจนช็อกดับ ล่าสุดตำรวจท่าม่วงคุมตัว 5 วัยรุ่นชายและหญิงที่อยู่ในคืนเกิดเหตุมาสอบปากคำเพิ่ม ท่ามกลางบรรดาญาติของกลุ่มวัยรุ่นที่มาเฝ้ารออยู่หน้าห้องสืบสวน
หลังใช้เวลาสอบปากคำนาน 7 ชั่วโมง ตำรวจอนุญาตให้ครอบครัวรับตัวกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดกลับบ้าน พร้อมเปิดเผยว่า ที่ต้องนำตัวมาสอบปากคำเพิ่ม พบคลิปเสียงของวัยรุ่นชาย 1 คนที่อยู่กับน้องดาวและกลุ่มเพื่อนชายหญิงในคืนก่อนที่น้องดาวจะถูกพบเป็นเสียชีวิต ออกมายอมรับว่าคืนเกิดเหตุมีการดื่มเหล้าและใช้ยาเสพติดกันจริง แต่การให้ข้อมูลของ 5 วัยรุ่นยังคลุมเครือ ทำให้ต้องแยกสอบทีละคน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงมากที่สุด นอกจากนี้ยังนำรถสีดำที่กลุ่มวัยรุ่นใช้ขับไปรับน้องดาวออกมาจากบ้าน เก็บหาหลักฐานอย่างละเอียด เพื่อใช้ประกอบการสืบสวนสอบสวน
คดีนี้ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรท่าม่วง ยืนยันว่ายังไม่ได้ตั้งข้อหาใดๆ กับกลุ่มวัยรุ่น เนื่องจากต้องรอผลการชันสูตรอย่างละเอียด รวมถึงผลตรวจปัสสาวะ และผลตรวจเลือดของกลุ่มวัยรุ่น เพื่อนำมาสรุปว่าต้องดำเนินคดีกับใคร หรือในข้อหาอะไรบ้าง
ด้านพ่อของน้องดาว ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้ แม้เผาศพลูกไปแล้ว เพราะกำลังทรัพย์ไม่พอเก็บศพไว้เพื่อต่อสู้คดี และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการติดตามตัวคนก่อเหตุมาดำเนินคดี แต่เชื่อว่าคนผิดต้องชดใช้
ผบก.จว.กาญจนบุรี กำชับทีมสอบสวนรัดกุม
พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จว.กาญจนบุรี ระบุว่า ได้เร่งรัดให้ชุดสืบสวนดำเนินการหาหลักฐานเพิ่มให้ได้มากที่สุด สั่งการให้ร่วมกับ สภ.ท่าม่วง เร่งหาหลักฐานเพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ เช่น กล้องวงจรปิด ถุงยางอนามัย และอื่นๆ โดยเฉพาะกรณีที่เป็นข่าวว่ามีการใช้ยาเสพติด ให้สืบสวนให้ได้รายละเอียดมากกว่านี้ ขณะนี้ได้รายละเอียดเพิ่มเติมมาบางส่วนแล้ว แต่ต้องรอผลการพิสูจน์การเสียชีวิตของน้องดาวจากกองพิสูจน์หลักฐานจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ออกมาก่อน เนื่องจากญาติของผู้เสียชีวิต รวมถึงประชาชนได้จับตาดูเรื่องนี้อย่างใกล้ โดยเฉพาะพ่อแม่ของผู้เสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย