ทำเนียบฯ 22 มิ.ย.-โฆษก ศบค.เสียใจกับผู้เสียชีวิตในสถานกักตัวของรัฐ ย้ำต่อไปจะมีมาตรการคัดกรองที่เข้มงวดมากขึ้น หากมีโรคประจำตัว ต้องกักตัวที่โรงพยาบาล
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจในสถานที่กักตัวของรัฐ เมื่อวานนี้ (21 มิ.ย.) ว่า ถือเป็นบทเรียนสำคัญ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งต่อไปจะมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น หากซักประวัติแล้วพบว่ามีอาการป่วย ต้องกักตัวที่โรงพยาบาล จะไม่ให้กักตัวในโรงแรมของรัฐที่จัดหาให้ แต่จะต้องไปกักตัวที่โรงพยาบาลแทน
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีที่ชายขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัย เพราะมีอาการแน่นหน้าอกที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ และบอกว่าตนเองป่วยเป็นโรคโควิด-19 ได้รับรายงานจากหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่แล้วว่าผู้ป่วยมีอาการทางจิตอยู่ก่อน แล้วรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา ซึ่งล่าสุดได้รับรายงานว่าไม่ได้เป็นโรคโควิด-19
“แม้ขณะนี้สถานการณ์จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังไม่สามารถที่จะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเดิมได้ เพราะในต่างประเทศมีการแพร่ระบาดอยู่ แม้มีผู้ติดเชื้อเข้ามาเพียงคนเดียว ก็จะเกิดผลต่อการแพร่ระบาดได้จำนวนมาก” น.พ.ทวีศิลป์ กล่าว
น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ส่วนการจับคู่เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างประเทศที่สามารถจัดการโรคโควิด-19 ได้ เพื่อการท่องเที่ยว หรือ Travel Bubble แบ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สามารถตอบกลับได้ ได้แก่ กลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน แรงงานมีฝีมือ ผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาดูงานด้านเทคนิคตามโรงงาน ชาวต่างชาติที่มีครอบครัวเป็นคนไทย ชาวต่างชาติที่มีที่อยู่ในประเทศไทย นักท่องเที่ยวทางการแพทย์ที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลของไทย สามารถดำเนินการได้เลยเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ
น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนกลุ่มที่จะขอผ่อนผันไม่อยู่ในสถานที่กักตัวของภาครัฐ ได้แก่ นักธุรกิจ นักลงทุน ที่จะเข้ามาเซ็นสัญญาลงทุนในประเทศประมาณ 3-5 วัน แขกของรัฐบาล จะเสนอที่ประชุมใหญ่ ศบค.พิจารณาว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ ส่วนนักท่องเที่ยวตามโครงการ Travel Bubble จะต้องมีการวางแผนรองรับให้ดี เพราะจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่จะเข้ามาตามโครงการดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย