1 ธ.ค. คิกออฟสแกนใบหน้าขึ้นเครื่องบิน

สแกนใบหน้าขึ้นเครื่อง

กรุงเทพ 28 พ.ย. – คิกออฟ 1 ธันวาคม สแกนใบหน้าขึ้นเครื่องบิน ไม่ต้องโชว์พาสปอร์ตและบัตรโดยสาร ลดเวลารอคอยนักเดินทาง


บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) พร้อมแล้วในการให้บริการระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล หรือ Biometric สำหรับผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศ ในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 ณ สนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว รวมทั้งจะช่วยลดระยะเวลาในการใช้บริการของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานของ AOT เหลือประมาณ 1 นาที จากเดิมประมาณ 3 นาที

สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานระบบ Biometric สามารถลงทะเบียนใช้งานเมื่อมาเช็กอินที่สนามบิน ได้ 2 วิธี คือ (1) เช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน ผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric ผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร โดยระบบฯ จะดำเนินการบันทึกข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสาร (2) เช็กอินที่เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (เครื่อง CUSS: Common Use Self Service) ผู้โดยสารสามาถทำการกดปุ่มเลือกสายการบินที่เดินทาง ตามด้วยการกดเลือกให้ความยินยอมลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric (Consent Notice) และดำเนินการเช็กอินผ่านระบบจนได้รับบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) จากนั้นทำการสแกน barcode ในบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) แล้วเสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประชาชน และสแกนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้าย ถือเป็นการเสร็จสิ้นการลงทะเบียน ซึ่งระบบฯ จะดำเนินการบันทึกข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสาร และหากผู้โดยสารมีความประสงค์จะโหลดกระเป๋าสัมภาระ สามารถทำผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (เครื่อง CUBD: Common Use Bag Drop) ตลอดจนผ่านจุดตรวจค้น และขั้นตอนขึ้นเครื่อง โดยผู้โดยสารไม่ต้องแสดง Passport และ Boarding Pass อีกต่อไป ทั้งนี้ ข้อมูลของผู้โดยสารที่ถูกบันทึกไว้จะถูกลบทิ้งภายใน 48 ชั่วโมง นับจากเริ่มลงทะเบียน ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล และข้อกำหนดของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Act: PDPA) ของประเทศไทย.-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ฝากรายการใหม่เทปแรก ไล่เรียงนโยบายแบบ Exclusive

“โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” นักจัดรายการมือใหม่​ ฝากเนื้อฝากตัว หวังใจถึงใจกับประชาชน​ ไล่เรียงภารกิจนโยบาย หลายเรื่องแบบเบื้องหลัง Exclusive 30 บาทรักษาทุกที่-บ้านเพื่อคนไทย-แก้ฝุ่น-พ.ร.ก.ไซเบอร์ ยันเงินหมื่นเฟส 3 มาแน่รอคลังเคาะ นายกฯ รับเสียใจถูกบูลลี่เรื่องแต่งตัว​ แต่จะแต่งแบบนี้ไปทำงานให้ประชาชนมีความสุข

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอุ่นขึ้น 1-2 องศาฯ ค่าฝุ่นมีแนวโน้มเพิ่ม

กรมอุตุฯ เผยมวลอากาศเย็นมีกำลังอ่อน ส่งผลให้ไทยตอนบนอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ ขณะที่ค่าฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่ม

กกต.ขอบคุณ ปชช.ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.

เลขาธิการ กกต. แถลงสถานการณ์หลังปิดหีบบัตรเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ ขอบคุณประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ พร้อมชี้แจงกรณีบัตรเลือกตั้งหายที่จังหวัดบึงกาฬ

นายกฯ วิดีโอคอลให้กำลังใจ 5 คนไทยที่อิสราเอล

นายกรัฐมนตรี วิดีโอคอลให้กำลังใจ 5 คนไทยที่อิสราเอล ดีใจทุกคนสุขภาพแข็งแรงดี อยากให้ตรวจเช็กให้เรียบร้อยก่อนกลับไทย ยืนยันรัฐบาลดูแลสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่