ปปง.ยึดอายัดทรัพย์ 3 คดีดัง รวมกว่า 131 ล้านบาท

ปปง.10 มิ.ย.-ปปง.ยึดอายัดทรัพย์คดีค้ามนุษย์ –ศุลกากร และฉ้อโกงบิทคอยน์เพิ่ม รวมกว่า 131 ล้านบาท


พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) กล่าวว่า คณะกรรมการธุรกรรมในคราวประชุม ครั้งที่ 6/2563 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.63  มีมติเห็นชอบให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ในคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จำนวน 3 รายคดี ได้แก่

1.รายคดี นางสุชาดา อุบลพิทักษ์ กับพวก ซึ่งพฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาในความผิดเกี่ยวกับเพศ เฉพาะที่เกี่ยวกับการเป็นธุระจัดหา ล่อไป พาไป หรือรับไว้ เพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี เฉพาะที่เกี่ยวกับการเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือชักพาไปเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำ การค้าประเวณี หรือที่เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของกิจการการค้าประเวณี ผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการค้าประเวณี หรือสถานการค้าประเวณี หรือเป็นผู้ควบคุมผู้กระทำการค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณี อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (2) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 


พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ : นางสุชาดา หรือ เจ๊นุช กับพวก ร่วมกันลักลอบเปิดบริการค้าประเวณี ในสถานบริการ อาบ อบ นวด ชื่อ “ร้านธารทิพย์” ซึ่งมีนางจิตนา มังกรแก้ว หรือ เจ๊ใหญ่ เป็นเจ้าของและผู้ดูแลสถานบริการ อาบ อบ นวด ดังกล่าว โดยเจ๊นุชจะทำหน้าที่ต้อนรับและเชียร์แขกภายในร้าน จากการเข้าจับกุมและตรวจค้นพบหญิงสาวสัญชาติไทย, เมียนมา, ลาว, และบุคคลพื้นที่สูง รวมทั้งสิ้น 32 คน ทำงานค้าประเวณี จึงได้จับกุมนางสุชาดา และนางกนิษฐา โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันเป็นธุระจัดหาล่อไปหรือพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และร่วมกันรับบุคคลต่างด้าวซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงานหรือรับคนต่างด้าวเข้าทำงานที่มีลักษณะเงื่อนไข การทำงานที่แตกต่างออกไปจากที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต  และจากการตรวจสอบในภายหลังพบว่ามีหญิงสาวที่ค้าประเวณี 1 คน อายุเพียง 17 ปี จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาจำนวน 13 ราย ในความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ และส่งเรื่องให้สำนักงาน ปปง. เพื่อดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้กระทำความผิด

มติคณะกรรมการธุรกรรมโดยย่อ  : เห็นชอบให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 1 รายการ พร้อมดอกผล (ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง) รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 49,776,000 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน


2. รายคดี นายปริญญา จารวิจิต กับพวก ซึ่งพฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อันเป็นมูลฐานตามมาตรา3(18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ : นายปริญญา กับพวก ได้ร่วมกันวางแผนและสมคบหลอกลวงโดยชักชวนให้นายอาร์นี โอทาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ (Mr.Aarni Otava Saarimaa) ร่วมลงทุนซื้อหุ้นกับบริษัท Expay Software จำกัด และ Nx Chain Inc ในการประกอบธุรกิจซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลในชื่อดราก้อน คอยน์ (Dragon Coin:DRG)และหุ้นของบริษัท ดีเอสเอ 2002 จำกัด (มหาชน) โดยอ้างว่าเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง เป็นเหตุให้นายอาร์นีหลงเชื่อลงชื่อในสัญญาที่นายปริญญา จัดทำขึ้น และโอนเหรียญบิทคอยน์ซึ่งเป็นเงินดิจิตอลเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่กลุ่มนายปริญญา เปิดรองรับไว้รวม 19 ครั้ง  คิดเป็นเงินไทย 797ล้านบาทแต่นายอาร์นีไม่ได้รับหุ้นครบตามสัญญาและไม่มีการนำเงินไปลงทุนในหุ้นจริง จึงทราบว่าถูกนายปริญญากับพวกหลอกลวง ซึ่งนายปริญญาได้นำเงินไปรับซื้อฝากที่ดินและซื้อที่ดินหลายแปลงในชื่อของตนและพวก 

มติคณะกรรมการธุรกรรมโดยย่อ : เห็นชอบให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายปริญญา กับพวก (เพิ่มเติม) จำนวน 13 รายการ พร้อมดอกผล (เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร, หน่วยลงทุนกองทุนเปิด, เช็คธนาคาร, ที่ดิน) รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 43,278,760.70 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน 

ทั้งนี้ ในรายคดีนี้ คณะกรรมการธุรกรรมในคราวประชุมครั้งที่ 14/2561 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2561 ได้มีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (บัญชีเงินฝากธนาคาร, ที่ดิน) จำนวน 64 รายการ รวมมูลค่าประมาณ 210 ล้านบาท

3. รายคดี นางไหมดี แก้ววงสา กับพวก ซึ่งพฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับลักลอบหนีศุลกากร ตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ตามมาตรา 3 (7) และความผิดฐานฟอกเงินตามมาตรา 5 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ :นางไหมดี แก้ววงสากับพวก ลักลอบนำเงินตราออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งจากการตรวจค้นพบธนบัตรไทยเก็บไว้ในช่องลับของเบาะหลังรถยนต์จำนวน 28 ล้านบาทและพบธนบัตรซุกซ่อนไว้หลังช่องลับของตู้ลำโพงในกระโปรงหลังรถอีกจำนวน 10 ล้านบาท รวมจำนวนเงินทั้งสิ้น38ล้านบาท ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ผู้ต้องหาได้จากการทำธุรกิจขายสินค้าประเภทของสดของแห้ง รวมทั้งธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตรา ในนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยได้เก็บสะสมมาระยะหนึ่ง แล้วผู้ต้องหาจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อนำเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐเข้ามาแลกเปลี่ยนในประเทศไทยเป็นเงินธนบัตรไทย และรวบรวมนำเงินทั้งหมดกลับไป สปป.ลาว เพื่อนำไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจแลกเปลี่ยนของตนโดยไม่ได้ขออนุญาตแลกเปลี่ยนเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย  

มติคณะกรรมการธุรกรรมโดยย่อ : เห็นชอบให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 1 รายการ พร้อมดอกผล (เงินสด) รวมมูลค่า 38,000,000 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน  .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้ห้องพักคอนโดฯ หรูกลางเมืองพัทยา

เพลิงไหม้คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำควบคุมเพลิงได้ทัน ทำให้ไฟไม่ลุกลามห้องข้างเคียง

จับ “ใบเฟิร์น” อินฟลูฯสาวชื่อดัง โพสต์ชวนเล่นพนันออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ รวบ “ใบเฟิร์น กุลธาดา” อินฟลูฯ สาวแนวเซ็กซี่ ผู้ติดตามหลักล้าน แปะลิงก์เว็บพนันออนไลน์ เจ้าตัวยอมรับ ทำมาแล้ว 2-3 เดือน

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เผยเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง เล็งออกมาตรการช่วยผู้สูงอายุ

นายกฯ เป็นประธานประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจนัดแรก เผยจีดีพีรวม 3 ไตรมาส 2.3% ฟื้นตัวต่อเนื่อง เล็งออกมาตรการช่วยกลุ่มผู้สูงอายุต่อไป

นายกฯคุยทรัมป์

“แพทองธาร” นายกฯ สนทนาทางโทรศัพท์กับ “โดนัลด์ ทรัมป์”

“แพทองธาร” นายกฯ สนทนาทางโทรศัพท์ กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” แสดงความยินดีชนะเลือกตั้งยืนยัน ประเทศไทยพร้อมทำงานกับสหรัฐฯ ด้าน “ทรัมป์” ชื่นชม นายกฯ

ศาลยกฟ้อง “ชัยวัฒน์” คดีอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ฟ้องปมจับส่วย

ศาลยกฟ้อง “ชัยวัฒน์” ไม่ผิดคดี “รัชฎา” อดีตอธิบดีกรมอุทยาน ฟ้องแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งรับโทษ ปมรับส่วย 9.8 หมื่นบาท ชี้เป็นการแจ้งข้อมูลข้อเท็จจริงไม่ได้แต่งเติม