ทำเนียบฯ 9 มิ.ย.-ครม.อนุมัติจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ มุ่งบูรณาการด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานของประเทศ
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สืบเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านพลังงาน ซึ่งการพัฒนาสาขาพลังงานเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน พัฒนานวัตกรรมการผลิตพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถรองรับของเสียที่หลากหลายจากภาคอุตสาหกรรม ครัวเรือน และการเกษตร กลับมาใช้ใหม่ในรูปแบบของแหล่งพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานทดแทนได้ ครม.จึงได้อนุมัติจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ (National Energy Technology Center : ENTEC) เป็นหน่วยงานเฉพาะทางในสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อเป็นศูนย์รวมการบูรณการความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศและนานาชาติ ให้สามารถเชื่อมโยงงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานที่มุ่งเน้นการต่อยอดไปสู่การใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรมและขยายผลไปสู่การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม
น.ส.รัชดา กล่าวด้วยว่า โดยศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ ได้กำหนดกรอบการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานไว้ 5 ด้าน โดยดำเนินการช่วงระยะ 5 ปีแรก (พ.ศ.2563-2567) ได้แก่ พลังงานหมุนเวียน เน้นการพัฒนาวิจัยด้านพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตไฟฟ้าและความร้อน รวมทั้งพลังงานหมุนเวียนอื่นที่มีศักยภาพ เช่น พลังงานลม เชื้อเพลิงชีวภาพ ,ระบบเก็บกักพลังงาน เน้นการพัฒนาวิจัยด้านแบตเตอรี่และซุปเปอร์คาปาซิเตอร์ (ตัวเก็บประจุที่มีขนาดความจุมากกว่าชนิดปกติ ใช้ในรถไฮบริดและโครงการพลังงานทดทนต่าง ๆ) เพื่อสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมตั้งแต่การผลิตวัสดุตั้งต้นเซลล์ การนำไปใช้งาน จนถึงการจำกัด,พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล เน้นการพัฒนาวิจัยด้านตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อผลิตน้ำมันที่มีมาตรฐานสูงขึ้น ,การจัดการระบบพลังงาน เน้นการวิจัยเทคโนโลยี ระบบโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็ก (Micro grid) บูรณาการการนำพลังงานทดแทนและระบบกักเก็บพลังงานเข้าสู่ระบบไฟฟ้า และการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน เน้นวิจัยเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางไฟฟ้าและประสิทธิภาพทางความร้อน และการใช้ประโยชน์จากของเสียหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมพลังงาน
น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้การดำเนินงานของศูนย์ฯ จะบูรณการร่วมกับกระทรวงพลังงาน หน่วยงานวิจัยด้านพลังงานของประเทศที่อยู่ภายใต้มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยของทั้งภาครัฐและเอกชน ในส่วนของอัตรากำลัง จะไม่มีภาระงบประมาณเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นบุคลากรเดิมที่ปฏิบัติงานด้านพลังงานของ สวทช. โดยบริหารจัดการอัตรากำลังให้เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ.-สำนักข่าวไทย