รัฐสภา 30 พ.ค.- การอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน ฉบับที่ 2 เรื่องการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ด้านฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอาจจะไม่สามารถกู้เงินตามหลักเกณฑ์ของ พ.ร.ก.ฉบับนี้ได้ เนื่องจากที่ผ่านมากว่าร้อยละ 80 เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนในระบบธนาคาร ขณะที่ทางด้านประธานวิปรัฐบาลขอบคุณฝ่ายค้านที่ไม่ลุกขึ้นประท้วงระหว่างการอภิปราย
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพระราชกำหนด กู้เงิน 3 ฉบับที่เกี่ยวกับการแก้ไขและเยียวยาสถานการณ์โควิด-19 เข้าสู่วันที่ 4 แล้ว โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ขอบคุณฝ่ายค้านที่ตลอด 3 วัน ไม่มีการประท้วง ทำให้การอภิปรายเป็นไปตามกรอบเวลา ซึ่งคาดว่าวันพรุ่งนี้ ในเวลา 14.00 น. จะสามารถลงมติ พ.ร.ก.กู้เงิน ทั้ง 3 ฉบับได้
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน พอใจภาพรวมการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน ตลอด 3 วันที่ผ่านมา เนื่องจากไม่มีการประท้วงหรือขัดจังหวะและตีรวนระหว่างการอภิปราย ซึ่งวันนี้การอภิปรายของฝ่ายค้าน จะมี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ร่วมอภิปรายด้วย ทั้งนี้ฝ่ายค้านประเมินว่า สิ่งที่รัฐบาลชี้แจงยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมที่ชัดเจน และยังเย็นชากับข้อเสนอของฝ่ายค้านที่ขอให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบการใช้เงิน ซึ่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ที่ลุกขึ้นชี้แจง ไม่มีใครให้ความสนใจในเรื่องดังกล่าว ส่วนการลงมติ พ.ร.ก.แต่ละฉบับ ฝ่ายค้านยืนยันจะไม่มีการแตกแถว
ส่วนการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน ฉบับที่ 2 การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ หรือ เอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน)
นางมนพร เจริญศรี ส.ส.พรรคเพื่อไทย ระบุว่าที่ผ่านมา เอสเอ็มอี มากกว่า 80% เข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนในระบบธนาคาร จึงกังวลว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จะไม่สามารถกู้เงินตามหลักเกณฑ์ พ.ร.ก.ฉบับนี้ได้ พร้อมเสนอแบ่งโควตาซอฟต์โลน 2.5 แสนล้านบาทให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้กู้เงิน รวมทั้งพักชำระหนี้ 1 ปีให้ผู้ประกอบการและลดดำเนินคดีให้กับลูกหนี้
ด้านนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายว่ามีความกังวลเรื่องการซื้อหุ้นกู้จะเสี่ยงเป็นหนี้เสีย จึงเสนอให้ ครม.และ ธปท. ออกเงื่อนไขให้มีหลักเกณฑ์การค้ำประกันร้อยละ 30-50 เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะก่อหนี้เสีย พร้อมชื่นชมรัฐบาล ก่อหนี้สาธารณะน้อยกว่ารัฐบาลชุดอื่น.-สำนักข่าวไทย