เซี่ยงไฮ้ 18 พ.ค.- มลพิษทางอากาศในจีนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับจากเดือนธันวาคมปีก่อน นักวิเคราะห์เชื่อว่า เป็นผลจากการที่จีนกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากเริ่มปิดเมืองตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมและเปิดเมืองเมื่อต้นเดือนเมษายน
กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมจีนแถลงว่า ความเข้มข้นของอนุภาคฝุ่นละอองขนาดพีเอ็ม 2.5 (PM2.5) ในเดือนเมษายน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 จากเดือนเดียวกันปีก่อนเป็นเฉลี่ย 33 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรใน 337 เมืองทั่วประเทศ เป็นการเพิ่มขึ้นต่อปีครั้งแรก นับจากเดือนธันวาคมปีก่อนที่เพิ่มขึ้นต่อปีถึงร้อยละ 10 ขณะที่ความเข้มข้นของโอโซนระดับพื้นดิน ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และไนโตรเจนไดออกไซด์ในเดือนเมษายนก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เมืองที่มลพิษทางอากาศมากที่สุดได้แก่ ฉางชุน เมืองเอกของมณฑลจี๋หลิน ฮาร์บิน เมืองเอกของมณฑลเฮยหลงเจียง และเสิ่นหยาง เมืองเอกของมณฑลเหลียวหนิง ทั้งหมดเป็นมณฑลทางตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนพื้นที่ทางเหนือที่มักเกิดมลพิษทางอากาศอย่างกรุงปักกิ่ง มณฑลเทียนจินและมณฑลเหอเป่ย ค่าฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เดือนเมษายนลดลงร้อยละ 25 เหลือ 39 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรแม้ว่าเปิดโรงงานอุตสาหกรรมอีกครั้งแล้วก็ตาม
เจ้าหน้าที่กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมจีนชี้ว่า การเปิดโรงงานอุตสาหกรรมอาจทำให้มลพิษทางอากาศในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นจำนวนหนึ่งแต่ไม่ใช่สาเหตุหลัก เดือนที่แล้วมณฑลจี๋หลิน เฮยหลงเจียง และเหลียวหนิงมีการเผาตอซังทางการเกษตรเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนถึง 8 เท่า อีกทั้งยังมีพายุทรายทำให้คุณภาพอากาศบางพื้นที่แย่ลง แต่ศูนย์เพื่อการวิจัยพลังงานและอากาศสะอาดในฟินแลนด์ชี้ว่า มลพิษทางอากาศในจีนลดลงในช่วงที่มีการปิดเมืองทั้งประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ แต่กลับมาเพิ่มขึ้นอีกเมื่อมีการเปิดเมือง สะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 จำเป็นต้องให้ความสำคัญต่อการมีเศรษฐกิจสีเขียวและใช้พลังงานสะอาด.- สำนักข่าวไทย