กรุงเทพฯ 6 พ.ค.- จับผู้ต้องหาอ้างเป็นหมอหลอกขายหน้ากากอนามัย ให้บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนทั่วไปจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 500,000 บาท
พลตำรวจตรีพันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการข่าวกรองยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเพสติด ในฐานะหัวหน้าชุดประสานความร่วมมือกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลฯ เปิดเผย ผลการจับผู้ต้องหาหลอกลวงประชาชน เพื่อจำหน่ายหน้ากากอนามัย โดยผู้ต้องหาคือ นายพงษ์พันธ์ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาต้องหาฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ตำรวจติดตามจับได้ ที่ย่านพระราม 9 ในชั้นจับกุม ให้การรับสารภาพ ว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
จากการสืบสวน พบว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าร้องเรียน จำนวน 15 ราย สั่งซื้อหน้ากากอนามัยกับผู้ต้องหา ผ่านเฟซบุ๊ก แล้วไม่ได้สินค้า ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่ เป็นบุคลากรทางการแพททย์และมีประชาชนทั่วไป โดยผู้ต้องหาโพสต์จำหน่ายสินค้า ตามเพจ ต่างๆ หลายเพจ เช่น เพจ “ซื้อ-ขาย (อุปกรณ์วัดไข้ดิจิตอล+อุปกรณ์การแพทย์) ทุกชนิด / เพจ ซื้อ-ขาย หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ 3M 1860 8210 , เพจซื้อขายหน้ากากอนามัยพร้อมส่ง ไวรัสโคโรน่า, เพจซื้อขายหน้ากากอนามัย thailand surgical mask, เพจซื้อขายหน้ากาก Mask ทุกชนิด , Mask Market ซื้อขายอุปกรณ์การแพทย์+แมส+หน้ากาก อนามัย+N95, หน้ากากอนามัย ไม่บางเกรดโรงพยาบาล มีไม่เยอะ”
โดยใช้เฟซบุ๊กชื่อบัญชี ดังนี้
– Phongphan Anamwong – Phongphan
– Chom Domon – Domon
– ข้าวสารคัด – ชัวแน่นอน
– พ่อลูกอ่อน Shop – Did Did
– สู้เพื่อ วันพรุ่งนี้ – ซื่อกินไม่หมด คตอยู่ไม่นาน
– จากนี้ ไปจนนิรันด์
ตำรวจ สืบสวนขยายผลจนพบว่า นายพงษ์พันธ์ เป็นแอดมินเองทั้งหมด แต่ ได้ ใช้ชื่อ รูปภาพ แสดงตนเป็นบุคคลอื่น เสนอขายหน้ากากอนามัย ใช้รูปภาพของ หน้ากากอนามัย หลากหลายยี่ห้อ หลายรุ่น เมื่อทำการซื้อขายสำเร็จ ได้รับเงินโอน จากลูกค้า ก็จะปิดเพจ หรือ บัญชีเฟซบุ๊ก ทำให้ มีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 50 คน ใน จำนวนนี้เป็นบุคลากรทางแพทย์ มากกว่า 20 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 5 แสนบาท พบประวัติก่อเหตุฉ้อโกงครั้งแรก เมื่อช่วงมีนาคมที่ผ่านมา ใช้วิธีหลอกลวงแบบเดิม
ตัวแทนผู้เสียหาย บอกว่า ไม่คิดว่าจะได้เงินคืน แต่ต้องการให้ผู้ต้องหาถูกจับ เพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้ำ เนื่องจากที่ผ่านมามีผู้เสียหายหลงเชื่อจำนวนมาก ผู้ต้องหามีการกล่าวอ้างตัวเองเป็นหมอ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือซื้อขายหน้ากากอนามัยอีกด้วย
สำหรับผู้ต้องหาได้ถูกดำเนินคดี ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” ระวางโทษ “จำคุก 6 เดือน ถึง 7 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000-140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิด ตาม พระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ .-สำนักข่าวไทย