ทำเนียบรัฐบาล 6 พ.ค.-สถานการณ์โควิด-19 ในไทย วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 1 ราย กลับจากต่างประเทศ ขณะที่ผู้เสียชีวิต 1 รายเป็นชายชาวออสเตรเลียวัย 69 ปี ขณะที่ในรอบ 24 ชั่วโมงยังพบการกระทำผิดชุมนุมมั่วสุม ดื่มสุรา-เล่นการพนัน ส่วนการตรวจสถานบริการ/ร้านค้า พบส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 6 พฤษภาคม 2563 ว่า วันนี้เป็นวันสำคัญของชาวพุทธ คือวันวิสาขบูชา หวังว่าทุกคนจะได้ร่วมทำบุญอย่างปลอดโรค ปลอดภัย ไปที่วัดหรือทำบุญ อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยให้ได้ร้อยเปอร์เซนต์
สำหรับสถานการณ์วันนี้ พบตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1 ราย รวมสะสม 2,986 ราย หายป่วยแล้ว 2,761 ราย และเสียชีวิต 1 ราย รวมเป็น 55 ราย
ในรายของผู้เสียชีวิตเป็นชาย อายุ 69 ปี สัญชาติออสเตรเลีย มีโรคประจำตัวหอบหืด เป็นผู้จัดการโรงแรมที่จังหวัดพังงา เริ่มป่วยวันที่ 25 มี.ค.มีอาการไอและอ่อนเพลีย ไปรับการรักษาที่คลินิกแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ด้วยอาการไข้ 37.9 องศาเซลเซียส เหนื่อยหอบและมีความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดลดลงเหลืออยู่ 89 เปอร์เซนต์ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต และส่งตรวจเอกซเรย์ปอด พบว่ามีการติดเชื้ออักเสบของปอดอย่างรุนแรงและผลยืนยันโควิด-19 ต่อมาก็มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ใส่เครื่องช่วยหายใจและมีภาวะแทรกซ้อนทางไต และเสียชีวิตในวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ 1 ราย เป็นผู้กลับมาจากประเทศรัสเซีย สามารถคงตัวเลขระดับหน่วยได้, ขณะที่ผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ใน รพ.ลดน้อยลงเหลือ 173 ราย กลับบ้านเพิ่มขึ้นอีก 14 ราย เป็น 2,761 ราย โดยในรายของผู้ป่วยใหม่เป็นผู้ป่วยหญิงอายุ 27 ปี ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดบุรีรัมย์อาชีพพนักงานนวด และวันที่ 3 พฤษภาคมนั่งเครื่องบินกลับมาในลำนั้นมี 70 คน เมื่อกลับมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็เข้าสถานที่รัฐจัดให้ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง รวมถึงคนที่มาในเที่ยวบินลำนั้นด้วยที่จังหวัดสมุทรปราการ และมาตรวจพบว่ามีไข้ 38.3 องศาเซลเซียส จึงส่งตัวรับการรักษาที่โรงพยาบาล มีอาการไข้ไอหายใจเหนื่อย ก็ด้วยระบบของการคัดกรองทำให้มั่นใจว่าบุคคลที่สัมผัสกับผู้ป่วยก็ถูกแยกกักตั้งแต่ตอนต้น
ส่วนกรณีของผลแล็บ 40 รายที่จังหวัดยะลานั้น เบื้องต้นได้รับรายงานจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ตัวเลขนี้ไม่พบผู้ป่วยยืนยันเลย ไม่ได้เป็นผลบวก ซึ่งการยืนยันผลลบทั้งหมดนี้จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขจะมีการแถลงข่าวลงในรายละเอียด
สำหรับกลุ่มจังหวัดที่พบผู้ป่วยยังคง 34 จังหวัด ส่วนจำนวนผู้เข้าเกณฑ์สงสัยต้องตรวจเชื้อ(PUI)ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเข้าข่าย PUI เข้ามา 54,600 ราย อย่างไรก็ตามด้วยรายละเอียดต่างๆในเกณฑ์ PUI มีการผ่อนลงมาเรื่อยๆ เช่น เดิมบอกต้องมีไข้มีประวัติเดินทางกลับจากต่างประเทศ หลังๆผ่อนลงมา ไม่ต้องมีไข้ มีอาการคล้ายหวัด การดมกลิ่นไม่ได้กลิ่น ก็สามารถตรวจได้แล้ว จะนำเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขปรับแล้วตั้งแต่ 1 พฤษภาคมมาชี้แจงเพิ่มเติมในครั้งถัดไป เนื่องจากการปรับเกณฑ์ทุกคนต้องมีส่วนร่วม เพื่อที่จะได้ดึงเคสมาเข้ารับการตรวจให้มากขึ้น ยิ่งตรวจเยอะยิ่งมีโอกาสได้เจอ ตรวจให้มากไว้ก่อน
ขณะที่สถานการณ์ในต่างประเทศ พบว่า สหรัฐฯ มียอดผู้ป่วยสะสมสูงสุดกว่า 1.2 ล้านคน รายใหม่เพิ่มวันเดียวกว่า 24,000 คน ยอดเสียชีวิต 72,271 คน และยอดเสียชีวิตรายวัน 2,350 คน รองลงมาสเปน อิตาลี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมัน รัสเซีย ตุรกี บราซิลและอิหร่าน
นอกจากนี้ยังพบการรายงานข่าวในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย มีปัญหาเรื่องการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหมือนกับประเทศไทยหลังมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยได้จัดการขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 70% และประกาศหากพบการฝ่าฝืน ไม่รับผิดชอบต่อสังคมอีก จะสั่งยกเลิกการผ่อนปรนในทันที ด้านกัมพูชา ประเทศเมืองพุทธเหมือนประเทศไทย ก็ยกเลิกการจัดงานวันวิสาขบูชาบนเขาอุดงในปีนี้ ไม่รวมกลุ่มชั่วคราว เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ
สำหรับการนำคนไทยที่ตกค้างกลับประเทศไทย วันนี้ (6พ.ค.) มีจำนวน 3 เที่ยวบิน จากเมียนมา (59คน) เยอรมนี (110คน) และปากีสถาน (122คน) ส่วนวันพรุ่งนี้ (7พ.ค.) มี 2 เที่ยวบิน เกาหลีใต้ (150คน) และแอฟริกาใต้ (150คน) รวมยอดสะสม 4,637 คน จาก 27 ประเทศที่เดินทางกลับมาประเทศไทย
ทั้งนี้ ในรอบ 24 ชั่วโมงยังพบว่ามีการกระทำความผิดด้านการชุมนุมมั่วสุม เพิ่มขึ้น 6 คนเป็น 104 คน ออกนอกเคหสถานเพิ่มขึ้น 32 คน เป็น 699 คน อันดับ 1ของการชุมนุมมั่วสุมยังเป็นการดื่มสุรา 45% และเล่นการพนันเป็นอันดับ 2 ส่วนผลการตรวจสถานบริการ/ร้านค้า 12,996 รายกิจการ/กิจกรรม พบว่า ไม่ปฏิบัติตามเพียง 449 แห่ง ในภาพรวมถือว่ามีจำนวนลดลง ปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรน ซึ่งต้องขอบคุณร้านค้าส่วนใหญ่ที่ให้ความร่วมมือ เช่น การรักษาระยะห่าง และมีการกั้นที่นั่งด้วยสิ่งของต่างๆ.-สำนักข่าวไทย