กทม.3พ.ค.-สำนักจุฬาราชมนตรี ประกาศ ผ่อนปรนให้ปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์) แต่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการเกี่บวกับการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด
ประกาศจุฬาราชมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่าด้วย การผ่อนปรนให้ปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) และแนวทางปฏิบัติ (ฉบับที่ 5/2563) ตามที่ได้มีประกาศจุฬาราชมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) ฉบับที่3/2563 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 ข้อ 1. งดการละหมาดญะมาอะห์และการละหมาดวันศุกร์(ญุมอะฮ์) ที่มัสยิดเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่27 มีนาคม 2563 เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวจะมีสภาวการณ์ในทางที่ดีขึ้น โดยให้สัปปุรุษละหมาดดุฮ์รี 4 รอกาอัต ที่บ้านแทน ทั้งนี้ การงดละหมดวันศุกร์ในถานการณ์เกิดโรคระบาดร้ายแรงถือเป็นอุปสรรคที่อนุโลมให้งดเว้นการละหมาดวันศุกร์ได้ นั้น
ด้วยขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค(COVID-19) ในประเทศไทยมีแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง อันเนื่องมาจากมาตรการต่างๆของภาครัฐ โดยความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพของประชาชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งของพี่น้องมุสลิมในทุกพื้นที่ในการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ของจุฬาราชมนตรี ดังนั้น เพื่อเป็นการผ่อนคลายมาตรการงดการปฏิบัติศาสนกิจบางมาตรการตามลำดับขั้นตอนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค(COVID-19) ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548(ฉบับที่5)ลงวันที่1 พฤษภาคม 2563 จึงพิจารณาเห็นควรผ่อนปรนให้มีการปฏิบัติศาสนกิจละหมดวันศุกร์(ญุมอะห์) ตามมาตรการดำเนินการและแนวทางปฏิบัติ ดังต่อไปนี้
1.มาตรการดำเนินการ ให้ครณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดใช้ดุลยพินิจร่วมกับคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิด โดยขอคำปรึกษาจากผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัด ในการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์)เพื่อให้เป็นไปตามประกาศจุฬาราชมนตรี ฉบับนี้และมาตรการหรือคำแนะนำของทางราชการเกี่ยวกับการป้องกันโรค
2.แนวทางการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์)
สำหรับมัสยิด ให้กรรมการอิสลามประจำมัสยิด หรือ หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่มาตรวจวัดอุณภูมิก่อนเข้ามัสยิด , ให้จัดวางเจลล้างมือแอลกอฮอล์ ไว้บริเวณประตูทางเข้ามัสยิด , งดใช้บ่อน้ำ(กอเลาะห์) หรืออ่างใหญ่ร่วมกัน ,ให้ทำความสะอาดพื้นมัสยิดก่อนและหลังการละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์)ทุกครั้ง และไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ โดยให้เปิดหน้าต่าง ผ้าม่าน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก,ให้จัดเครื่องหมายจุดละหมาดที่สามารถระบุตำแหน่งได้ โดยให้เว้นระยะห่างแต่ละจุด1.50-2 เมตร , ให้ควบคุมทางเข้าออกมัสยิด และจัดระเบียบระยะห่างขณะเดินเข้าและเดินออกจากมัสยิดหลังเสร็จสิ้นการละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์)
สำหรับผู้เข้าร่วมปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์)
ให้อาบน้ำละหมาดจากที่บ้าน ,ให้ใช้ผ้าปูละหมาด(ผ้าชะญาดะห์) ส่วนตัว โดยนำมาจากบ้าน ,ให้ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ที่มัสยิดจัดเตรียมไว้ ,ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาของการปฏิบัติศาสนกิจ ,งดการสลามด้วยการสัมผัสมือ การสวมกอด และการสัมผัสแก้ม โดยให้ยกมือพร้อมกล่าวสลามเท่านั้น ,เด็กและสตรีให้งดการร่วมละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์) ที่มัสยิด ,หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก แม้จะมีอาการไม่มาก ให้งดการไปร่วมละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิด
การปฏิบัติศาสนกิจละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์)
ให้เว้นระยะห่างระหว่างแถวและในแถว 1.50-2เมตร และให้ยืนตามจุดที่มัสยิดได้จัดทำเครื่องหมายไว้ , ให้กระชับเวลาในการละหมาดวันศุกร์(ญุมอะห์) นับตั้งแต่อะซาน คุตบะห์และละหมาด ไม่เกิน 20 นาที
ทั้งนี้ ยังคงให้งดการจัดกิจกรรมทางศาสนาและกิจกรรมอื่นที่มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มทุกประเภท ตลอดจนการเลี้ยงละศีลอด ซึ่งการกำหนดมาตรการและแนวปฏิบัติดังกล่าวข้างต้น เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และเป็นไปตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม โดยมีเจตนารมณ์ตั้งมั่นในการรักษาความปลอดภัยต่อชีวิตมนุษย์และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับสังคมทุกภาคส่วน จึงใคร่ขอความร่วมมือมายังประธานกรรมการอิสลามประขำจังหวัดได้แจ้งไปยังอิหม่ามทุกมัสยิดในสังกัดให้ปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ตามประกาศจุฬาราชมนตรีต่อไป มาตรการดังกล่าวให้ถือปฏิบัติจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติหรือจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น .-สำนักข่าวไทย