สธ.26 เม.ย.-สธ.ฝากย้ำ หลังประชาชนเริ่มออกมาทำงานและทำกิจกรรมมากขึ้น การสวมหน้ากาก เว้นระยะห่างยังสำคัญ ป้องกันการแพร่เชื้อ
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า วันนี้ถือว่าเป็นข่าวดีอีก 1วันที่มีผู้ป่วยกลับบ้านถึง 47 ราย รวมสะสมกลับบ้านได้ 2,594 ราย คิดเป็นประมาณ 90% ของผู้ป่วยทั้งหมดที่ได้รับการตรวจรักษาในประเทศไทย ขณะนี้ไทยอยู่ในช่วงที่ประชาชนเริ่มผ่อนคลาย จากการที่มีจำนวนผู้ป่วยลดลงต่อเนื่อง ทำให้มีบางส่วนเริ่มเดินทางมากขึ้น ที่คัญคือความตระหนักเรื่องการป้องกันโรค การเว้นระยะห่าง การใช้หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้ายังมีความสำคัญ ทำให้ลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ
จากผลการสำรวจของกรมควบคุมโรค พบว่า มีประชาชนเริ่มให้คำตอบว่าจะไม่สวมหน้ากากถึง 4% และ 94% จะใช้หน้ากากป้องกันจึงต้องกลับมากระตุ้นเตือนกันอีกครั้งว่าการใช้หน้ากากยังสำคัญ นอกเหนือจากการล้างมือและลดการสัมผัสใบหน้า โดยพบว่าประชาชนใช้หน้ากากผ้าถึง 53% และใช้หน้ากากอนามัยถึง40% ที่เหลือใช้หน้ากากชนิดอื่น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
“ขณะนี้ประชาชนเริ่มออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านกันมากขึ้น ถือว่าการใช้หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยจะเป็นด่านสุดท้ายในการป้องกันและแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น”นพ.โสภณ กล่าว
นพ.โสภณ ยังกล่าวถึงกรณีโรงพยาบาลเอกชนหากจะลงพื้นที่ตรวจคัดกรองในเชิงรุกในชุมชน จะต้องติดต่อประสานหน่วยสาธารณสุขในพื้นที่ด้วย เนื่องจากการทำงานไม่ได้สิ้นสุดแค่การตรวจแต่เมื่อตรวจพบผู้ติดเชื้อ ต้องค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรายนั้น ซึ่งเป็นภารกิจที่ต้องทำต่อ เนื่อง เพื่อความปลอดภัยไปสู่เป้าหมายของการกำจัดเชื้อให้หมดจากพื้นที่ หัวใจสำคัญ คือการประสานงานร่วมกันกับหน่วยงานสาธารณสุข หากเป็นในพื้นที่ กทม.ต้องประสานกับศูนย์บริการสาธารณสุข กทม.หรือ หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสุขภาพ จะทำให้ครบกระบวนการทำงาน
ด้าน นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้เราอยู่ช่วงทางสองแพร่ง แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลงยังคงต้องรณรงค์กันต่อ การสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ล้างมือ เว้นระยะห่าง ยังเป็นความเข้มแข็งที่ทุกคนยังต้องร่วมมือกันเพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ปกติในเร็ววัน .-สำนักข่าวไทย