รัฐจับมือเอกชนช่วยเอสเอ็มอีฝ่าวิกฤติโควิด-19

กรุงเทพฯ 22 เม.ย.-ภาครัฐ-เอกชน เร่งระดมสมองช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เน้นสร้างฐานรากเข้มแข็ง


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเป็นประธานในการประชุมหารือมาตรการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19  ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ภาครัฐและภาคเอกชนหลายที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม 

นายสมคิด กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ดีขึ้นโดยลำดับ ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง ด้านเศรษฐกิจไทยขณะนี้ไม่อาจพึ่งส่งออก การท่องเที่ยวที่ยอดนักท่องเที่ยวตกลงได้ จึงหวังได้แต่เพียงเศรษฐกิจในประเทศจาก 2 ส่วน คือ การบริโภคภายในประเทศและการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งภาครัฐเดินหน้าเร่งรัดการใช้จ่ายอย่างเต็มที่ในขณะนี้ และขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันดูแลฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศให้ผ่านพ้นช่วง 3-4 เดือนข้างหน้าและช่วยกันประคองให้ผ่านปีนี้ไปให้ได้ ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 400,000 ล้านบาทอยู่แล้ว  มาตราการนี้เน้นในประเทศฐานราก หรือ “โลคัลอีโคโนมี่” ครอบคลุมโครงการดูแลสนับสนุนเศรษฐกิจในพื้นที่ สนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งในเศรษฐกิจชุมชน สนับสนุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับพื้นที่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลังและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่กลับต่างจังหวัดมีการผลิตมีรายได้ ซึ่งกระทรวงอื่น ๆ สามารถเข้ามาร่วม และส่วนนี้ภาคเอกชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ และเป็นทางรอดของเศรษกิจไทย เพราะขณะนี้เศรษฐกิจต่างประเทศต่างก็ย่ำแย่ 


นายสมคิด กล่าวถึงการส่งออกของไทยว่า ขณะนี้เริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าบางกลุ่มกลับเข้ามาบ้างแล้ว จะต้องช่วยกันดูแลอย่าให้เสียเปรียบประเทศเวียดนาม พร้อมมอบหมายให้ตัวแทนกรมสรรพากรนำเรื่องที่ภาคเอกชนต้องการให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทุกธุรกิจ 3 ปี คือ ระหว่างปี 2563-2565 โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ประกอบการจะเข้าสู่ระบบ e-filling ว่า จะทำได้หรือไม่

นายสุริยะ กล่าวว่า นายสมคิด ระบุว่าขณะนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปทุกประเทศเน้นปกป้องอุตสาหกรรมตัวเอง ประเทศไทยใช้โอกาสนี้จะหันมาให้ความสำคัญเศรษฐกิจฐานรากมากขึ้น 

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจฐานรากที่จะให้ความสำคัญได้แก่ การเกษตรที่มูลค่าสูง และนำสู่อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป แปลงเป็นสินค้ากลุ่มอาหาร เพื่อใช้บริโภคในประเทศและส่งออกได้ด้วย ซึ่งขณะนี้หอการค้าไทยมีการส่งเสริมอยู่แล้วในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ จะต้องมีการใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้าด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำ

น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาขึ้นไม่หยุด ล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือน ต.ธรรมามูล อ.เมืองชัยนาท ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายแบบขั้นบันไดต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น. น้ำระบายท้ายเขื่อนที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที

เร่งอพยพชาวบ้านหลายร้อยครอบครัว น้ำปิงยังสูง

แม้ระดับน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ เริ่มลดลง หลังขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร แต่หลายชุมชนและย่านการค้ายังมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะพื้นที่ตอนใต้ของเมือง น้ำยังเพิ่มสูง หลายร้อยครอบครัวต้องอพยพด่วน

อิสราเอลโจมตีทางอากาศมัสยิด-โรงเรียนในกาซา ดับแล้ว 24

สำนักงานสื่อมวลชนของรัฐบาลกาซาที่กลุ่มฮามาสเป็นผู้ดำเนินการ กล่าวว่า อิสราเอลโจมตีทางอากาศโดยมีเป้าหมายเป็นมัสยิดและโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่พักพิงของผู้พลัดถิ่นฐานในฉนวนกาซา เมื่อตอนเช้าวันอาทิตย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย และบาดเจ็บอีก 93 ราย