วอชิงตัน 15 เม.ย.- ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในสหรัฐชี้ว่า การปิดเมืองเพียงครั้งเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะยับยั้งโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และอาจต้องเปิดปิดเมืองหลายครั้งไปจนถึงปี 2565 จึงจะเอาชนะเชื้อไวรัสนี้ได้
วารสารไซเอินซ์เผยแพร่ผลการศึกษาจากการทำแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ โดยตั้งข้อสันนิษฐานว่า โควิด-19 จะเป็นเหมือนไข้หวัดตามฤดูกาลที่มีอัตราการติดเชื้อสูงในช่วงฤดูหนาวว่า มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมเพียงครั้งเดียวไม่น่าจะหยุดยั้งจำนวนผู้ป่วยในสหรัฐได้เมื่อคำนึงถึงศักยภาพด้านสาธารณสุขที่มีอยู่อย่างจำกัด การใช้มาตรการเป็นครั้งคราวคือสิ่งจำเป็นในยามที่ยังไม่มีวิธีรักษา สิ่งสำคัญคือต้องตรวจหาเชื้ออย่างทั่วถึงเพื่อให้รู้ว่าสถานการณ์ไปถึงจุดที่จะต้องใช้มาตรการซ้ำหรือไม่
ผลการศึกษาระบุว่า การเปิดปิดเมืองหลายครั้งช่วยให้โรงพยาบาลมีเวลาเพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการเปิดเมือง ขณะเดียวกันการปล่อยให้มีการติดเชื้อไปถึงจุดหนึ่งก็จะทำเกิดการสร้างภูมิต้านทานหมู่ หลังจากนั้นเมื่อมียารักษาและวัคซีนป้องกันจึงจะผ่อนปรนระยะเวลาและความเข้มข้นของการปิดเมืองได้ อย่างไรก็ดี ปัญหาใหญ่ของการทำแบบจำลองนี้คือ ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า ผู้ป่วยที่หายแล้วจะมีภูมิต้านทานอยู่ในร่างกายนานเพียงใด แต่ที่แน่ใจได้คือโควิด-19 จะไม่หายไปหลังการระบาดระลอกแรก ดูได้จากการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์สที่ระบาดระหว่างปี 2545-2546 มีผู้ป่วย 8,000 คนทั่วโลก เสียชีวิตเกือบ 800 คน.- สำนักข่าวไทย