กทม. 14 เม.ย. – จำแนก 3 กลุ่มเสี่ยง กรณีคนขับรถเมล์สาย 140 ติดโควิด-19 เสียชีวิต กลุ่มเสี่ยงสูงคือเพื่อนที่ร่วมวงสังสรรค์ 10 คน ตรวจพบติดเชื้อ 7 คน และมี 1 คนที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับสาวเสิร์ฟย่านทองหล่อ ส่วนประชาชนที่ใช้บริการ แพทย์มองว่ามีความเสี่ยงต่ำ ด้าน ผอ.ขสมก. ยืนยันไม่ได้จงใจปิดข้อมูล แต่เข้าใจคลาดเคลื่อน
ความคืบหน้ากรณีคนขับรถเมล์เสียชีวิตจากโควิด-19 และ รมว.คมนาคม สั่งตรวจสอบว่าปกปิดข้อมูลหรือไม่ ล่าสุด ผอ.ขสมก. ยืนยันไม่มีเจตนาหรือความจำเป็นต้องปกปิดข้อมูลและขออภัยในความล่าช้า ขณะที่แพทย์ลำดับความเสี่ยงจากกรณีดังกล่าว โดยมองว่าประชาชนที่ใช้บริการดังกล่าวมีความเสี่ยงต่ำ
นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิตเริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ถึง 2 เมษายน ระหว่างที่มีอาการยังคงไปทำงานขับรถเมล์อยู่ อย่างไรก็ตาม ผู้เสียชีวิตพักอาศัยคนเดียว จึงไม่มีคนในครอบครัวสัมผัสใกล้ชิด แต่พบว่ากลุ่มเสี่ยงสูง คือ กลุ่มเพื่อนที่ร่วมวงสังสรรค์ด้วยกันรวมทั้งหมด 10 คน ในจำนวนนี้ตรวจพบเชื้อ 7 คน และจากประวัติพบว่าในเพื่อนที่ร่วมวงดื่มสังสรรค์ 1 คน มีประวัติเกี่ยวข้องกับสาวเสิร์ฟย่านทองหล่อ
ส่วนกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่ ขสมก. เช่น กระเป๋ารถเมล์ ผู้ที่ทำงานในกะเดียวกัน พนักงานขับรถต่างๆ รวมกันแล้ว 9 คนที่เป็นผู้สัมผัส แต่มีความเสี่ยงระดับปานกลางไปจนถึงต่ำ กลุ่มนี้ตรวจแล้วไม่พบผู้ติดเชื้อ
และกลุ่มผู้โดยสารถือว่ามีความเสี่ยงน้อยมาก เพราะส่วนใหญ่สวมใส่หน้ากากอนามัย แต่หากมีไข้หรือไม่สบาย สามารถไปพบแพทย์ได้
สอดคล้องกับคำยืนยันของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงถึงประเด็นนี้ว่า ทีมสอบสวนโรคได้เข้าไปตรวจสอบและเก็บข้อมูลทั้งหมดแล้ว ส่วนประชาชนที่ใช้บริการรถเมล์ หากสงสัยว่านั่งมาในรถคันดังกล่าวและมีอาการขึ้นมา ขอเข้าตรวจโรคได้ทันที
เขตการเดินรถที่ 5 ขสมก.เข้มป้องกันโควิด-19
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่สำนักงานเขตการเดินรถที่ 5 ขสมก. ถนนพระราม 2 ซึ่งรับผิดชอบดูแลการเดินรถของ ปอ.140 จากการสำรวจมาตรฐานในการจัดการพื้นที่สถานี รวมถึงสำนักงานเขตการเดินรถที่ 5 และบนรถเมล์ พบว่ามีการคัดกรองผู้ปฏิบัติงานที่จะเข้าพื้นที่ วัดอุณหภูมิต้องไม่เกิน 37.5 องศา ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และการทำ Social Distancing ทั้งในส่วนพนักงานและผู้โดยสารที่ขึ้นใช้บริการบนรถ
ด้านผู้บริหารเขตการเดินรถที่ 5 ขสมก. แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว และได้ตรวจสอบพนักงานที่มีความเสี่ยงทำงานใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ พบว่ามี 18 คน โดย 9 คนเป็นกลุ่มความเสี่ยงสูงและเข้ารับการกักตัวตามมาตรการของกรมควบคุมโรค พบว่าทั้งหมดยังแข็งแรงดี ส่วนอีก 9 คนได้เฝ้าระวังกักตัวดูอาการเช่นเดียวกัน ขสมก.ได้สอบสวนโรคครอบคลุมไปถึงกลุ่มครอบครัวพนักงานที่มีความเสี่ยงทุกคน ขณะที่รถ ปอ.140 ที่ผู้เสียชีวิตเคยขับ ได้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อแล้ว แต่ยังระงับไม่ให้ออกไปบริการรับส่งผู้โดยสาร
ผอ.ขสมก. ยันไม่ได้จงใจปิดข้อมูล แต่เข้าใจคลาดเคลื่อน
ด้านนายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผอ.ขสมก. ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีดังกล่าวว่า ขสมก. ยืนยันไม่มีเจตนา และไม่มีเหตุผลที่จะปกปิดเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเมื่อวันที่ 5 เมษายน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้าได้แจ้งเรื่องต่อกรมควบคุมโรค และได้ประสานผู้บริหารเขตการเดินรถที่ 5 ขอสัมภาษณ์พนักงานประจำรถที่ใกล้ชิดกับพนักงานขับรถคนดังกล่าวจำนวน 9 คน ณ อู่แสมดำ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สั่งกักตัวทั้งหมดอยู่ที่บ้านเพื่อสังเกตอาการ
นอกจากนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหม่ เกิดขึ้นครั้งแรก อีกทั้ง ขสมก.มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติ กรณีตรวจพบพนักงานติดโควิด-19 จึงทำให้การแจ้งข้อมูลแก่ประชาชนและสื่อมวลชนล่าช้า ซึ่ง ขสมก.ต้องขออภัย และยืนยันว่าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก จะรีบแจ้งกรมควบคุมโรคทันที พร้อมทั้งแจ้งสาธารณชนและผู้ใช้บริการรับทราบเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ.- สำนักข่าวไทย