สศช.ตั้ง 5 ทีมเอกชนร่วมแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19

กรุงเทพฯ 13 เม.ย. – สภาพัฒน์เรียกประชุมคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนในศบค.พร้อมแบ่ง 5 กลุ่มสรุปแนวทางเยียวยาภาคธุรกิจที่ต้องการเสนอภาครัฐ โดยจะเร่งสรุปภายในสัปดาห์หน้าก่อนเสนอ ครม. เร็วที่สุด


นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า ที่ประชุมได้หารือเสนอข้อเสนอแนะจากภาคเอกชนในหลายเรื่อง ดังนั้นทาง สภาพัฒน์จึงขอให้คณะที่ปรึกษาฯ ที่เกี่ยวข้องจัดทําข้อเสนอประเด็นเฉพาะด้าน เพื่อเสนอที่ประชุมพิจารณาหารือในรายละเอียดในการประชุมครั้งต่อไปสัปดาห์หน้า โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่ม และเมื่อได้ข้อสรุปจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุดต่อไป

การแบ่งกลุ่มที่ปรึกษา 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) ประกอบด้วย สมาคมธนาคารไทย สํานักงานเศรษฐกิจอุตสหากรรม และธนาคารแห่งประเทศไทย  นำโดยนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย 2. กลุ่มมาตรการเพื่อการกลับมาเปิดธุรกิจใหม่จัดทำโดยหอการค้าไทย นำโดยนายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  3.กลุ่มมาตรการเพื่อธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย สมาพันธเอสเอ็มอีไทย สํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย นำโดยนายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ 4.กลุ่มมาตรการเพื่อภาคเกษตร ประกอบด้วย สภาเกษตรกรแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวง พาณิชย นำโดยนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ และ5.กลุ่มมาตรการเพื่อการแก้ไขปัญหาด้วยดิจิทัล (Digital Solution) ประกอบด้วยนายศุภชัย เจียรวนนท ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ซึ่งจะได้พิจารณาคู่ขนานกันไป เพื่อประกอบการพิจารณาในครั้งต่อไป 


นอกจากนี้ ระยะต่อไป สศช. จะได้ดําเนินการประมวลความต้องการจากทุกภาคส่วน รวมถึงการเปิดพื้นที่สาธารณะในการรับฟังความคิดเห็นผ่าน Facebook  “ร่วมด้วยช่วยคิด” ซึ่งจะได้รวบรวมประมวลและนําเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยเรื่องใดดำเนินการเสร็จก่อนก็จะนำเสนอก่อน

สำหรับข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องการขอให้รัฐปรับลดค่าไฟฟ้า 5%  ทั่วประเทศและลดค่า ft ตามราคาน้ำมัน ขอให้เอกชนสามารถนําค่าใช้จ่ายสําหรับป้องกันโควิด-19 มาหักค่าใช้จ่ายได้ 3 เท่า  ขอให้รัฐออกคําสั่งปิดกิจการโรงแรมเพื่อให้ลูกจ้างได้รับเงินช่วยเหลือจากประกันสังคม ขอให้ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล ปีภาษี 2562-2563 กรณี SMEs เหลือไม่เกิน 10% และกรณีผู้ประกอบการอื่น เหลือไม่เกิน 20%  ขอรัฐจัดสรรงบประมาณในการจ้างงาน และซื้อสินค้าจากผู้ผลิตภายในประเทศ  ผ่อนปรบการเข้าถึงสินเชื่อสําหรับผู้ประกอบการ  

นอกจากนี้ ยังขอให้มีการอนุญาตให้จ้างงานเป็นรายชั่วโมงได้ ค่าจ้างชม.ละ 40-41 บาท จ้าง 4-8 ชม/วัน  ขอลดเงินสมทบ ประกันสังคมของนายจ้างจากเดิม 4% เหลือ 1%  ขอให้รัฐช่วยเหลือแรงงานในระบบประกันสังคมจำนวนประมาณ 10 ล้านคนจากจำนวนรวม 18 ล้านคน โดยเฉพาะลูกจ้างที่เงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท โดยภาครัฐช่วยจ่ายค่าจ้างให้ 50% และบริษัทจ่ายอีก 25% ของค่าจ้าง นอกจากนี้ ขอให้สามารถนำผลขาดทุนมาหักลดหย่อนภาษีจากเดิมทำได้ 5 ปี เพิ่มเป็นทำได้ในช่วง 7 ปีภาษี   ขอให้บริษัทสามารถนําค่าใช้จ่ายด้านค่าจ้างแรงงาน ในช่วง COVID-19 มาหักภาษีได้ 3 เท่า  ขอให้มีการผ่อนปรนมาตรการเคอร์ฟิวสําหรับผู้ประกอบการขนส่ง สินค้าในเวลากลางคืน  การช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารระหว่างเมืองให้มีมาตรฐานเดียวกัน   


นอกจากนี้ ยังเสนอถึงปัญหาการเข้าถึงวงเงินสินเชื่อผ่อนปรนที่มีเงื่อนไขค่อนข้างรัดกุมทําให้ภาคเอกชนไม่สามารถเข้าถึงได้ การกําหนดหลักเกณฑ์การค้ำประกันเพื่อลดความเสี่ยงให้กับสถาบันการเงิน  การช่วยเหลือผู้ประกอบการให้สามารถจ้างแรงงานโดยใช้ประโยชนจากกองทุนประกันสังคม และการกําหนดมาตรการช่วยเหลือ SMEs ที่ครอบคลุมทั้งระยะเร่งด่วน และระยะฟื้นฟู รวมถึงการปรับโครงสร้างภาคเกษตรไปสู่ การทําเกษตรที่มั่นคงและยั่งยืน ซึ่งประเด็นต่างๆ จะได้มีการหารือในรายละเอียดในครั้งต่อไป 

สำหรับคณะที่ปรึกษาด้านธุรกิจ ภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประกอบด้วยผู้แทนภาคเอกชน ได้แก่  สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สภาเกษตรกรแห่งชาติ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจ เพื่อทําหน้าที่ให้คําปรึกษา ข้อเสนอแนะ การป้องกัน และแก้ไขปัญหาของภาคธุรกิจเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้เป็นไปด้วยความรอบคอบและมีประสิทธิภาพ . – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก