“มงคล” นำทีมวิศวกร​ ตรวจโครงสร้างอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 29 มี.ค.-“มงคล” ตื่น​ นำทีมวิศวกร​ ตรวจโครงสร้างอาคารรัฐสภา พบเบื้องต้นมั่นใจโครงสร้างปลอดภัยไร้รอยร้าว​ เดินหน้าประชุม​ สว.​ 31 มี.ค.นี้​ ได้​ พร้อมเตรียมซ้อมแผนอพยพภัยพิบัติ พรุ่งนี้​ รองรับขน 5,000 คนออกนอกพื้นที่

นายมงคล​ สุระสัจจะ​ ประธานวุฒิสภา​ พร้อมด้วย ​สว. จำนวนหนึ่งอาทิ​ นายนพดล อินนา สว.​และอดีตรองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายปณิธิ พรหมสาขา ณ สกลนคร ตัวแทนจากวิศวกรรมสถาน​ ตัวแทนจากกรมโยธาธิการ และนางปัณณิตา สท้านไตรภพ เลขาธิการวุฒิสภา ร่วมตรวจสอบอาคารรัฐสภาฝั่งวุฒิสภา ภายหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวเพื่อ สร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยก่อนที่จะมีการประชุมวุฒิสภาในวันจันทร์ที่ 31 มีนาคมนี้


นายมงคล​ กล่าวว่า เนื่องจากเหตุภัยแผ่นดินไหว วุฒิสภา ไม่ได้นิ่งนอนใจ​ ตนได้คุยกับเลขาธิการวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภาหลายท่าน แล้วว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือความรับผิดชอบต่อชีวิตและทรัพย์สินของข้าราชการรัฐสภา​ และ สว.​ ทุกคน​ ซึ่งวันจันทร์ที่ 31 มี.ค.​ จะมีการประชุมวุฒิสภาดังนั้นวันนี้ เราต้องตรวจสอบอาคาร ว่าพร้อมที่จะใช้งานงาน​ พร้อมอำนวยความสะดวกและปลอดภัย 100% หรือไม่​ จึงได้นัดหมายมาที่รัฐสภา​ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารสถานที่ มาร่วมกันตรวจสอบอาคาร​ ซึ่งเราได้ตรวจสอบเรื่องโครงสร้าง​ โดยนายนพดล​ มีเพื่อนพี่น้องในวงการวิศวกรมากมาย​ จึงมีวิศวกรและประสานทีมวิศวกรจากกรมโยธาธิการมาช่วยกันตรวจสอบอย่างละเอียดที่สุโดยได้ตรวจสอบโครงสร้างอาคารก่อน จนมั่นใจว่าโครงสร้างไม่ได้รับความเสียหายสามารถใช้งานได้ดี​ พร้อมทั้งได้ตรวจสอบสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆได้แก่ลิฟท์ เครื่องมือสื่อสารเครื่องเตือนภัย เครื่องมือเครื่องใช้ในการรักษาความปลอดภัย​อะไรที่ขาดเช่น​ เสื้อ​หมวกต้องไปซื้อมาด่วน​ จะตรวจสอบทางหนีไฟ​ ไฟส่องทาง เมื่อเกิดไฟดับอะไรจะเกิดขึ้น จะตรวจสอบว่า ตรงไหนจะสว่างเพื่อจะได้รู้ว่าขาดอะไร​ จากนั้น​พรุ่งนี้เลขาธิการวุฒิสภาจะนัดประชุมเพื่อให้จะมีการซักซ้อมในส่วนของผู้มีหน้าที่รักษาความปลอดภัย​ และผู้เกี่ยวข้อง​ และวันจันทร์ที่ 31มี.ค. เราจะเข้าประจำจุดต่างๆโดยเฉพาะจุดรวมพล​ ที่เตรียมพร้อมไว้และทำความเข้าใจกับข้าราชการวุฒิสภา​ ว่าเมื่อเกิดใครหรือสัญญาณเตือนภัยขึ้นมา ทุกคนจะทำหน้าที่ของตนเองและผู้รับผิดชอบ รายการรักษาความปลอดภัยจะนำทุกคนออกนอกพื้นที่ อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ให้ปลอดภัย​ พร้อม เรื่องของการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกอาหาร เพื่อให้ทุกคนกลับบ้านของตัวเองอย่างปลอดภัย

เมื่อถามว่าหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงจะต้องอพยพคนในอาคารรัฐสภาจำนวน เท่าใดประธานวุฒิสภากล่าวว่า​ ประมาณ 4,000เกือบ5,000​ คน​ มีกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพอเพียงสำหรับรับมือ ภัยพิบัติได้ ส่วนจะซ้อมร่วมกับฝั่งของสส. หรือไม่ประธานวุฒิสภากล่าวว่าในชั้นนี้เราจะซ้อมกันเองก่อน​ ว่าใครจะทำอะไรที่ไหนเมื่อไหร่อย่างไร จะนำคนไปไว้ที่จุดไหนหากเกิดเหตุการณ์ และจะคุยกันอีกทีเป็นการภายใน ซึ่งเลขาของทั้ง 2 สภาคือผู้บัญชาการเหตุการณ์​


นายมงคล​ ยืนยันอีกครั้งว่า อาคารรัฐสภาปลอดภัย​ และหากเกิดเหตุการณ์ ก็พร้อมที่จะอพยพคนออกจากอาคาร

นายนพดล​ กล่าวว่า​ จากการที่ทีมวิศวกร6คน​ ตรวจสอบโครงสร้างในเบื้องต้น ตั้งแต่ชั้นใต้ดิน B2 B1 ขึ้นมาเรื่อยๆปรากฏว่าในเบื้องต้น ยังไม่พบรอยร้าวที่จะนำไปสู่โครงสร้างเสียหาย​ โดยส่วนใหญ่ทางวิศวกรรมเสาและคาน​ เป็นเรื่องสำคัญ​ นอกจากนี้ยังได้ตรวจสะพานเชื่อมระหว่างอาคารต่างๆ ซึ่งก็มีความสำคัญและพบว่ายังไม่มีอะไร ที่เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าวิกฤต หรืออันตรายดังนั้นในเบื้องต้น โครงสร้างทั้งหมดยังอยู่ในขั้นที่ปลอดภัย มีรอยร้าวบางอย่างที่อาจต้องไปปรับแต่งเล็กน้อย​ ซึ่งอาจจะเป็นรอยร้าวที่เกิดขึ้นก่อนแผ่นดินไหว ดังนั้นในเบื้องต้นมีความมั่นใจพอสมควรที่จะใช้อาคารแห่งนี้ในการประชุมต่อไป​ คงจะไม่หวั่นวิตกมากนัก​ เพราะได้มีการตรวจเกือบทุกจุด​ โดยเฉพาะในส่วนของโรงพิมพ์ที่ตรวจด้วย​เนื่องจากมีอุปกรณ์​หนักหลายตันวางอยู่​แม้จะมีรอยร้าว​แต่ไม่น่าจะมีภัยพิบัติรุนแรงมากเกินไป

นายปณิธิ กล่าวว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบ ส่วนใหญ่ความเสียหายที่เกิดขึ้นคือส่วนงานสถาปัตยกรรม ไม่ใช่ส่วนของโครงสร้าง ซึ่งสามารถปรับปรุงแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ไม่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายอาจจะมีแค่บางส่วน ที่อาจจะเกิดจากเหตุแผ่นดินไหว เช่นที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ชั้นใต้ดิน ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ต้องมีการกัั้นพื้นที่ เพราะอาจจะมีเศษวัสดุตกลงมา แต่ไม่มีการร้าวถึงโครงสร้าง ค่อนข้างมั่นใจในระดับหนึ่งว่าโครงสร้างของอาคารไม่ได้รับความเสียหายหลังจากเดินดูเกือบทุกจุด ได้ไปดูจุดที่วิกฤตได้ไปดูทุกจุดไม่พบรอยร้าว ไม่มีพิ้นที่ไหนไม่น่าวิตกกังวลภาพรวมอาคารนี้ยังอยู่ในสภาพที่ดี ใช้ได้อย่างมีความปลอดภัย​


ส่วนเรื่องของการเตือนภัยสามารถใช้สัญญาณ เตือนภัยของไฟไหม้ได้ เพราะจุดประสงค์ต้องการอพยพคนออกนอกอาคาร.-319​.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

ทหารเขมรเข้าใกล้รั้วภูผี ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า

ศรีสะเกษ 23 ก.ย.-แม่ทัพภาค 2 เผยได้รับรายงานเหตุทหารเขมรเข้าใกล้เขตรั้วลวดหนามพื้นที่ภูผีแล้ว ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนถูกตอบโต้จนต้องล่าถอยออกไป ยันติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเหตุยิงปะทะในพื้นที่ภูผี ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารกัมพูชามีลักษณะท่าทางจะเข้ามาในอธิปไตยไทยใกล้กับเขตรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงได้แจ้งเตือน ทำให้ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้า เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ไป กระทั่งทหารกัมพูชา ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจำนวน 2-3 นาย ได้ล่าถอยกลับไป ขณะนี้ยืนยันว่า เหตุการณ์ปกติ และกองทัพภาคที่ 2 มีการตรวจเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำและลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด ซึ่งเรามีมาตรการในการดูแลตรงนี้อยู่แล้วอย่างใกล้ชิด.-313.-สำนักข่าวไทย

ตร.จราจร นำส่งอวัยวะ ถูกรถพุ่งชน

23 ก.ย. – รถแท็กซี่พุ่งชนตำรวจจราจรขณะขี่จยย.นำส่งอวัยวะ บริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ ตำรวจบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา เปิดเผยว่าช่วงเที่ยงวานนี้เกิดเหตุผู้ขับรถแท็กซี่ ไม่ชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดง ประกอบกับมีขบวนรถของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริที่เปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินขณะปฏิบัติภารกิจนำส่ง “ปอด” จากจังหวัดชลบุรี ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ โชคดีรถแท็กซี่ไม่เฉี่ยวชนกับรถพยาบาลที่บรรทุกอวัยวะ จึงสามารถนำส่ง “ปอด” ให้ถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา จึงขอเน้นย้ำไปยังผู้ขับขี่ว่า “เมื่อเห็นสัญญาณไฟและเสียงไซเรน โปรดให้ทาง” ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เพื่อรักษากฎหมายและช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์.-สำนักข่าวไทย