กรุงเทพฯ 10 เม.ย.-คลัง เตือนสติคิดก่อนโพสต์ หลอกรัฐได้เงิน 5,000 บาท ผิดอาญา เจอ 2 ข้อหาหนัก แห่ยกเลิกกว่า 3.3 แสนราย
หลังเกิดดราม่าในโลกโซเชียลแบบรายวัน ภายหลังจากกระทรวงการคลังเริ่มทยอยจ่ายเงินให้กับผู้ได้สิทธิ์รับเงินเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน สำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.นั้น
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวเตือนผู้ที่จะโพสข้อความใด ๆ ลงในโซเชียล ทั้งเฟซบุ๊ค อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ เกี่ยวกับการได้มาของเงินเยียวยา 5,000 บาทว่า ขอให้คิดให้หนักก่อนโพส เพราะเมื่อโพสลงไปแล้วจะกลายเป็นหลักฐานสำคัญในการเอาผิดทางกฎหมาย หากข้อความดังกล่าวเป็นเท็จและได้เงินเยียวยามาจากการให้ข้อมูลเท็จ หรือแม้แต่การดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยคำหยาบคายต่าง ๆ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 3 ข้อหาหนัก ดังนั้น อย่าเสี่ยง เพราะได้ไม่คุ้มเสีย การมีชื่ออยู่ในทะเบียนประวัติอาชญากรมีผลต่อการสมัครงาน ใครรู้ตัวทำผิดสามารถใช้บริการปุ่มยกเลิกการลงทะเบียนในเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ได้ เพราะขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนยกเลิกแล้วกว่า 330,000 ราย
นายชาญกฤช กล่าวว่า ข้อมูลทางกฎหมายจากเพจทนายรัชพล ศิริสาคร ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ระบุ การตั้งใจกรอกข้อมูลหลอกลวงรัฐ เพื่อหวังลงทะเบียนรับเงิน 5,000 บาทจากรัฐบาลเข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานฉ้อโกง มาตรา 341 มีโทษขั้นสูงจำคุก 3 ปี หรือปรับ 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 137 มีโทษขั้นสูงจำคุก 6 เดือน หรือปรับ 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ที่โพสหมิ่นรัฐบาลมีความผิดตาม มาตรา 136 มีโทษขั้นสูงจำคุก 1 ปี หรือปรับ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และแม้ว่าผู้โพสจะลบข้อความไปแล้ว แต่ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) สามารถดึงข้อมูลที่ลบไปแล้วกลับมาได้
อย่างไรก็ตาม ดราม่าที่เกิดขึ้นทำให้กระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล เกิดความกังขากับระบบคัดกรองของกระทรวงการคลังอย่างมาก เพราะมีกลุ่มคนบางส่วนออกมาโพสว่าไม่เดือดร้อน แต่ได้เงินเยียวยาจำนวน 5,000 บาท โดยมีข้อความหลากหลาย บางรายติดแฮชแทค อาทิ ระบุว่าข้อมูลที่ลงทะเบียนเป็นข้อมูลเท็จแต่ได้เงินจริง “เศษเงินหลังตู้เย็น” “ลงไว้เล่น ๆ ไม่เคยหวังจะได้” “ขอบคุณสำหรับค่าโบท้อค” “ยกเลิกแล้วแต่ได้เงิน” รวมถึงการโพสข้อความด่าทอรัฐบาล “เฮงซวย” ล่าสุดมีโพสอวดได้เงิน 2 ทาง ทั้งจากเงินเยียวยา 5,000 บาท และประกันสังคม
ทั้งนี้ ทางกระทรวงการคลังแบ่งการตรวจสอบออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่ไม่ได้รับเงิน แต่บอกว่าได้เงิน ถือว่าสร้างความสับสน จะมอบให้กระทรวงดีอีตรวจสอบ เพราะถือเป็นข่าวปลอม (Fake News) มีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์หรือไม่ คาดว่าผลจะออกมาเร็ว ๆ นี้ และ 2.พวกที่ได้เงินจริง แต่ใส่ข้อมูลที่เป็นเท็จ กรณีนี้ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงจะตรวจสอบย้อนกลับตามข้อมูลที่ลงทะเบียนและดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับรายที่ได้เงินแล้ว ทางกระทรวงจะขอให้มีการคืนเงินภายใน 90 วัน พร้อมระงับเงินในเดือนต่อ ๆ ไป
“ส่วนประเด็นที่ประชาชนเริ่มกังขาเรื่องระบบการคัดกรองผู้ได้รับสิทธิ์เยียวยาเงินชดเชย 5,000 บาทนั้น มีประสิทธิภาพหรือไม่ ขอย้ำว่าทางธนาคารกรุงไทยใช้ระบบที่ดีที่สุดในการคัดกรอง และด้วยจำนวนการลงทะเบียนในเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ที่มีมากกว่า 25 ล้านคน ทีมงานต้องทำงานแข่งกับเวลาการปรับระบบให้สามารถคัดกรองข้อมูลโดยเร็ว อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดก็น้อมรับและจะนำไปแก้ไข เนื่องจากทางกระทรวงต้องการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจริง ๆ พร้อมจ่ายเงินเยียวยาให้ทันท่วงที” นายชาญกฤช กล่าว.-สำนักข่าวไทย