สุราษฎร์ธานี 8 เม.ย.- รอง ผบ.ตร. “พล.ต.อ.สุชาติ” ลงสุราษฎร์ฯ เร่งรัดเหตุท่าชนะคืนเคอร์ฟิว 7 เม.ย. มีผู้เสียชีวิตถูกผู้ใหญ่บ้านยิง 2 ราย เป็นพระและฆราวาส ระบุสาเหตุต้องรอดูสำนวนการสอบสวน มีประเด็นขัดแย้งหรือไม่ ยันให้ความเป็นธรรมสองฝ่าย และสอบพยานแล้วกว่า 10 ปาก
กรณีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 9 ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงชาย อายุ 48 ปี เสียชีวิต และพระสงฆ์ 1 รูป อายุ 49 ปี มรณภาพ ขณะจะไปตีผึ้งป่า เหตุเกิดบนถนนสายเลียบเขาเพ-ลา ต.สมอทอง โดยอ้างเป็นการควบคุมตัวที่มีพฤติกรรมฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และใช้อาวุธปืนป้องกันตัว เมื่อคืนวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา
ล่าสุด (8 เม.ย.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว พร้อมนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.วรวิทย์ ปานปรุง รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ พ.ต.อ.สมภพ พุฒศรี รอง ผบก.ศพฐ.8 นำตรวจที่เกิดเหตุ
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า ยังต้องรอดูสำนวนการสอบสวน ส่วนความขัดแย้งมีหรือไม่อย่างไรยังหาข้อมูลประเด็นนี้อยู่ เรื่องผู้เสียชีวิตฝ่าฝืนเคอร์ฟิวและสาเหตุที่ถูกยิงกับเคอร์ฟิวนั้น เป็นคนละเรื่องกันแต่ต่อเนื่องกันต้องรอฟังพนักงานสอบสวนก่อน ยังยืนยันไม่ได้ต้องสอบหลายปาก สำหรับอาวุธปืนที่พบใกล้พระมรณภาพเป็นวัตถุพยานที่ปรากฏอยู่ในสำนวน เป็นดุลพินิจที่พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานตามข้อเท็จจริงไปว่ามีความน่าเชื่อจะดำเนินคดีอย่างไรได้บ้าง และต้องฟังเหตุผลผู้ยิงคือผู้ใหญ่บ้านด้วยที่กล่าวอ้างมามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด รวมทั้งดูพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุที่มีทั้งอาวุธมีทั้งสภาพบาดแผลด้วย
ส่วนความคืบหน้าทางคดี คณะพนักงานสอบสวน ที่มี พ.ต.อ.วิรุฬห์ สุวรรณวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นหัวหน้าได้สอบสวนปากคำพยานไปแล้วกว่า 10 ปาก ประกอบด้วยกลุ่มคนที่ร่วมเดินทางกับพระ เพื่อหาผึ้งป่าจำนวน 4 ปาก และกลุ่มผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่เดินทางไปพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน เพราะมีพลเมืองดีแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านเข้าตรวจสอบหลังพบว่ามีรถยนต์ 3 คัน วิ่งเข้า-ออกบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้ ก็ต้องสอบปากคำนายปัญญาภรณ์ วัฒนปราโมทย์ ปลัดอาวุโส อ.ท่าชนะ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนในประเด็นพบอาวุธปืนพกสั้นอยู่ในที่เกิดเหตุใกล้พระ ตามที่ผู้ใหญ่บ้านอ้างว่าพระชักปืนออกมา และชายที่เสียชีวิตอีกคนก็ชักมีด ล่าสุดตรวจสอบพบว่าอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวชื่อผู้ครอบครองเป็นชาว อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี แต่ได้นำไปจำนำไว้กับเพื่อน ซึ่งเป็นเจ้าของร้านโทรศัพท์แห่งหนึ่งในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี.-สำนักข่าวไทย