นนทบุรี 5 เม.ย. – พาณิชย์เดินหน้าจับกุมขายแพง ไม่ปิดป้ายแสดงราคา หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เพิ่ม 6 ราย ส่วนไข่ไก่ไม่พบผู้กระทำความผิด หลังสถานการณ์ดีขึ้น
นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2563 กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัยและเจลล้างมืออีก 6 ราย
ทั้งนี้ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 5 ราย เป็นการจับกุมแผงจำหน่ายที่เขตหลักสี่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายเจลล้างมือ 2 ราย จับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยทางเฟซบุ๊กจำนวน 50 กล่อง ราคากล่องละ 700 บาท หรือเฉลี่ยชิ้นละ 14 บาท ที่เขตวัฒนา 1 ราย ซึ่งได้ส่งดำเนินคดีความผิดตามมาตรา 29 จับกุมผู้ไม่แจ้งสตอก 1 ราย มีจำนวนสินค้า 18,000 ชิ้น ส่งดำเนินคดีตามมาตรา 25 (5) และจับแผงจำหน่ายที่รัชดาภิเษก 1 ราย จำหน่ายหน้ากากอนามัยนำเข้าจากต่างประเทศ ราคาชิ้นละ 22 บาท ส่งดำเนินคดีตามมาตรา 29 ส่วนต่างจังหวัดจับกุมเพิ่ม 1 ราย จังหวัดอุบลราชธานี ส่งดำเนินคดีข้อหาขายเกินราคา ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์และแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นเป็น 260 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 129 ราย และต่างจังหวัด 131 ราย
นางลลิดา กล่าวว่า การจับกุมผู้กระทำความผิดจำหน่ายไข่ไก่เกินราคาทั่วประเทศวันที่ 4 เมษายน 2563 ไม่พบผู้กระทำความผิดเพิ่ม เพราะขณะนี้ปริมาณไข่ไก่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะการกระจายจากฟาร์มไปยังผู้ค้าส่งและจากผู้ค้าส่งไปยังผู้ค้าปลีก รวมถึงผู้จำหน่ายรายใหญ่ ทั้งซีพี เบทาโกร เร่งกระจายเข้าสู่ห้างโมเดิร์นเทรด ทำให้สินค้ามีปริมาณเพิ่มขึ้น ส่วนผู้บริโภคพบว่ามีการซื้อสินค้าลดลง เนื่องจากมีปริมาณที่เคยซื้อสตอกไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ปริมาณไข่ไก่ในระบบเพิ่มขึ้นได้รับผลดีจากมาตรการกระทรวงพาณิชย์ห้ามส่งออกไข่ไก่ 30 วัน การกำหนดราคาหน้าฟาร์ม การร่วมมือกับกรมปศุสัตว์ชะลอปลดแม่ไก่ยืนกรง การขอความร่วมมือห้างค้าส่งค้าปลีกจำกัดการซื้อคนละ 1-2 แผง เพื่อกระจายได้ทั่วถึงและการให้ผู้ครอบครองไข่ไก่ตั้งแต่ 100,000 ฟองต่อวันแจ้งปริมาณการผลิต การรับซื้อ การจำหน่ายสต๊อกสินค้าและสถานที่เก็บ เริ่ม 7 เมษายน 2563 ทำให้มีการติดตามปริมาณไข่ไก่ได้ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย