กทม. 19 มี.ค.-ศาลปกครองเปิดพิจารณาคดีทางออนไลน์ลดความเสี่ยงโควิด-19 ระบาด พร้อมกำหนดมาตรการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนรวม
นายปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุดได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของศาลปกครองทางไกลผ่านจอภาพและทาง Facebook Live เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งที่ประชุมมีมติกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาครอบคลุม ทั้งในส่วนของคู่กรณีและประชาชนที่ติดต่อกับศาล และบุคลากรของศาลปกครอง โดยผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีสามารถให้การยื่นคำฟ้อง คำให้การ และคำร้องคำขอต่างๆ ทางระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ไปรษณีย์ลงทะเบียน และโทรสาร ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เคยลงทะเบียนระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ไว้ก่อนหรือไม่ ส่วนการนั่งพิจารณาคดีของศาล การไต่สวน การนัดประชุมไกล่เกลี่ย และการนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล คู่กรณีสามารถดำเนินการได้โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบการประชุมทางจอภาพ แอปพลิเคชันต่างๆ เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก โดยคู่กรณีไม่ต้องมาศาล และในกรณีที่จำเป็นต้องมีการนั่งพิจารณาคดี ไต่สวน นัดประชุมไกล่เกลี่ย หรืออ่านคำพิพากษาที่ศาล ศาลสามารถกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อความปลอดภัยได้ตามความเหมาะสม เช่น การสวมใส่หน้ากากอนามัย การจำกัดจำนวนคนในห้องพิจารณาคดี และให้ตุลาการศาลปกครองและเจ้าหน้าที่ศาลปฏิบัติงานที่บ้าน กรณีการตรวจสำนวน การร่างคำสั่งหรือคำพิพากษาตามความเหมาะสม โดยใช้ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนในการประชุมปรึกษาสามารถใช้ระบบการติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้ตามที่เห็นสมควร สำหรับงานที่ต้องให้บริการโดยตรงแก่ประชาชนจะจัดให้มีบุคลากรในจำนวนที่จำเป็นและเพียงพอต่อการให้บริการต่อประชาชน พร้อมทั้งจัดให้บุคลากรที่อยู่ในข่ายสงสัยว่า อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้รับการตรวจหาเชื้อโดยทันทีและไม่เสียค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ ศาลปกครองได้กำหนดมาตรการในการทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการใช้ร่วมกัน เช่น บริเวณที่ประชาชนมาติดต่อราชการ ห้องพิจารณาคดี ห้องไต่สวน ห้องไกล่เกลี่ย โรงอาหาร ห้องประชุม ห้องน้ำ ลิฟต์โดยสาร และลดความหนาแน่ของจำนวนคนที่นั่งรับประทานอาหาร หรือใช้ลิฟต์ต่อเที่ยว รวมทั้งให้เลื่อนการฝึกอบรมหรือสัมมนาที่อยู่ระหว่างดำเนินการและชะลอการฝึกอบรมหรือสัมมนาที่มีกำหนดจะจัดขึ้นออกไปตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าว มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. -30 เม.ย. 2563.-สำนักข่าวไทย