กรุงเทพฯ 14 มี.ค. – เงินบาทอ่อนค่าลง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก
จนต้องใช้มาตรการระงับการซื้อขายชั่วคราว (Circuit Breaker) ถึง
2 ครั้งในระหว่างสัปดาห์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทอ่อนค่าลง
โดยได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงินทั่วโลกและไทย
ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นจากไวรัสโควิด-19 ที่เข้าสู่ภาวะการแพร่ระบาดใหญ่ (Pandemic) ในหลายประเทศทั่วโลก
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยในระหว่างสัปดาห์ 2.47 หมื่นล้านบาท และ 3.3 หมื่นล้านบาทตามลำดับ
นอกจากนี้เงินบาทที่อ่อนค่าลงยังเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ
ในเอเชียด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 1 ปีที่ 32.09 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะลดช่วงอ่อนค่าลงได้บางส่วน
ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นท้ายสัปดาห์
ในวันศุกร์ (13 มี.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.85 เทียบกับระดับ 31.42
บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (6 มี.ค.)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป
(16-20 มี.ค.)
ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.50-32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามยังอยู่ที่สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางญี่ปุ่น
ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ของธนาคารกลางจีน
ซึ่งน่าจะเป็นไปในเชิงผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดนิวยอร์ก
ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค.
ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้าน และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.
นอกจากนี้ตลาดอาจรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนม.ค.-ก.พ. ของจีนด้วยเช่นกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย
สงครามราคาน้ำมันและไวรัสโควิด-19 กดดันหุ้นไทย โดยดัชนี SET
ปิดที่ระดับ 1,128.91 จุด ลดลง 17.27% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 94,371.65
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.53% จากสัปดาห์ก่อน
ส่วนดัชนี mai ลดลง 13.83% จากสัปดาห์ก่อน
มาปิดที่ 232.09 จุด
หุ้นไทยร่วงลงช่วงต้นสัปดาห์
จากความกังวลต่อการทำสงครามราคาน้ำมัน
หลังกลุ่มโอเปกและพันธมิตรไร้ข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมเมื่อวันที่
6 มี.ค. ก่อนจะดิ่งลงอีกครั้งในเวลาต่อมาหลังองค์การอนามัยโลก
(WHO) ประกาศให้ไวรัสโควิด-19 เข้าสู่ภาวะระบาดใหญ่ทั่วโลก
ซึ่งส่งผลให้หุ้นไทยร่วงลงแรงจนต้องใช้ Circuit Breaker ถึงสองวัน
ในวันที่ 12 และ 13 มี.ค. อย่างไรก็ดี
หุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ หลังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ประกาศปรับเกณฑ์การขายชอร์ตเป็นการชั่วคราว พร้อมเตรียมพิจารณามาตรการอื่นๆ
ในการพยุงตลาดทุน
สำหรับสัปดาห์ถัดไป
(16-20 มี.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า
ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,085 และ 1,040 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,165 และ 1,200 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่
รายละเอียดของกองทุนพยุงหุ้น การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ
สถานการณ์ราคาน้ำมัน และสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน
และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่
การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น
ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค.-ก.พ.ของจีน
รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.พ.ของยูโรโซนและญี่ปุ่น . – สำนักข่าวไทย