กทท. 21 ม.ค.-การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.)เร่งเดินหน้าพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่
3 หลังศาลปกครองสูงสุดชี้ขาดคำตัดสินของคณะกรรมการคัดเลือกฯ ถูกต้องและสามารถดำเนินการต่อไปได้กรณีให้กลุ่มกิจการร่วมค้า NCP ไม่ผ่านคุณสมบัติ
เรือโทกมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย
(กทท.) เปิดเผยว่า ตามที่กทท. ได้คัดเลือกเอกชนร่วมทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่
3 และมีกลุ่มบริษัทยื่นซองเสนอราคา 2 ราย ได้แก่ กลุ่มกิจการร่วมค้า NCP และกลุ่มกิจการร่วมค้า
GPC คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้พิจารณาหลักฐานคุณสมบัติปรากฏว่ากลุ่มกิจการร่วมค้า
NCP มิได้ลงนามในแบบฟอร์มสัญญากิจการร่วมค้า
เพื่อแสดงเจตจำนงในความรับผิดชอบร่วมในการยื่นข้อเสนอตามที่กำหนด
ทำให้ไม่ผ่านคุณสมบัติ ต่อมากลุ่ม NCP และได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง
ก่อนที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำชี้ขาดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2563 ยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของกลุ่ม
NCP ซึ่งทำให้คำตัดสินของคณะกรรมการคัดเลือกฯ
เป็นอันถูกต้องและสามารถดำเนินการต่อไปได้
สำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 นั้น
เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการให้ความสำคัญในการรองรับยุทธศาสตร์ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
หรือ EEC ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของไทย
พ.ศ.2558 – 2565 โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมขั้นสูง
ด้วยเครือข่ายคมนาคมที่ครบวงจร ด้านระบบการขนส่งแบบอัตโนมัติ Automation แบบไร้รอยต่อ
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3
จะมีขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้าเพิ่ม 7 ล้าน ทีอียู. ต่อปี
หากเมื่อโครงการฯ ดังกล่าว
เปิดให้บริการครบทุกท่าจะมีขีดความสามารถรองรับตู้สินค้าได้ประมาณปีละ 18 ล้าน
ทีอียู. และจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งรวมของประเทศ (Logistics Cost) เพื่อเป็นปัจจัยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน
และผลักดันให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือหลักในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
และเป็นประตูการค้าของประเทศในภูมิภาค-สำนักข่าวไทย