องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก 17ม.ค.-นายกรัฐมนตรี ยันรัฐบาลมีแผนแก้ปัญหาภัยแล้ง ส่วนข้อเสนอขุดลำน้ำยม -ลำน้ำปิง ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หวั่นทำน้ำเปลี่ยนเส้นทาง ทำน้ำน้อยกว่าเดิม ส่วนการแก้ปัญหาฝุ่นละออง เผย ติดปัญหาการทำประชาพิจารณ์ ชี้การจราจรและรถบางประเภทเป็นต้นเหตุสำคัญสร้างมลพิษ ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันแก้ที่ต้นเหตุปัญหา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาภัยแล้งว่า รัฐบาลมีแผนและโครงสร้างทั้งหมด แต่บางเรื่องยังติดข้อกฎหมาย เช่น การทำประชาพิจารณ์ ซึ่งบางเรื่องจะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก็ได้เร่งรัดเพราะเป็นเพียงช่วงฤดู และ 4-5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการมาตลอด จนถึงปีนี้ น้ำที่เก็บมีน้อยและฝนตกน้อย จนส่งผลต่อภัยแล้งตามมา
ส่วนที่หลายฝ่ายเสนอขุดลำน้ำยม ลำน้ำปิง แต่ต้องเข้าใจระบบน้ำนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากขุดในตำแหน่งที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม น้ำก็จะเปลี่ยนทิศทางการไหล แต่เดิมที่มีน้ำอยู่แล้ว อาจทำให้น้ำไม่มีเลย ถือเป็นสิ่งสำคัญ หลักการตามวิชาการที่จะต้องคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ หากทำได้ก็ทำ และหลายคนสงสัยทำไม่รัฐบาลไม่ขุดรอกท้องน้ำให้หมด ซึ่งตนมองว่าจะยุ่งไปกันใหญ่ เพราะเส้นทางจะเปลี่ยนไปหมด จากที่เคยวางแผนไว้ แต่ลงพื้นที่สร้างไม่ได้ น้ำมันก็ไหลย้อนกลับมา และในหลายพื้นที่ประชาชนก็ไม่ยอมให้ทำ รัฐบาลก็ไปบังคับไม่ได้ แต่ที่ตนคิดว่าเป็นวิธีที่ดีคือการทำแก้มลิง ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก หรือ พีเอ็ม 2.5 ว่า ได้เตรียมแผนไว้หมด แต่ยังติดปัญหาของการทำประชาพิจารณ์ อยู่ที่ว่าประชาชนจะร่วมมือในการทำประชาพิจารณ์หรือไม่ ขณะนี้จึงขอให้ย้อนกลับไปดูว่ารถประเภทใดที่เป็นต้นเหตุสร้างมลพิษให้สูงขึ้น หากช่วยกันลดก็จะช่วยแก้ปัญหาได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ปัญหานี้ ต้องแก้ที่การจราจรเป็นหลัก แต่ก็จะกระทบกับประชาชน จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ได้นำร่องการดำเนินการที่เชียงใหม่แล้ว และได้มีการจัดทำแอฟพลิเคชั่นให้ประชาชนได้รับรู้ปัญหาค่าฝุ่นละอองและได้ป้องกันตนเองด้วย .-สำนักข่าวไทย