ปักกิ่ง 17 ม.ค.- สหภาพยุโรปหรืออียู (EU) จะฟ้องต่อองค์การการค้าโลก หากข้อตกลงการค้าระยะหรือเฟสหนึ่งของจีนและสหรัฐบิดเบือนตลาดจนเป็นอันตรายต่อธุรกิจอียู
เอกอัครราชทูตนิโกลาส์ ชับปุยของอียูประจำจีนเผยกับสื่อหลังประชุมที่กระทรวงต่างประเทศจีนวันนี้ว่า อียูจะจับตาการปฏิบัติตามข้อตกลงเฟสหนึ่งที่รองนายกรัฐมนตรีหลิว เฮ่อของจีนลงนามกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธตามเวลาสหรัฐ อียูมองว่าเป้าหมายเชิงปริมาณของข้อตกลงนี้ไม่เป็นไปตามระเบียบองค์การการค้าโลกหากทำให้เกิดการบิดเบือนทางการค้า และหากเกิดขึ้นจริงอียูก็จะยื่นขอให้องค์การการค้าโลกแก้ไขเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จีนให้การรับรองกับเขาอย่างเป็นทางการว่า ธุรกิจยุโรปจะไม่มีวันได้รับผลกระทบจากข้อตกลงนี้อย่างแน่นอน
บริษัทกฎหมายในสิงคโปร์แห่งหนึ่งที่เชี่ยวชาญเรื่องการแก้ปัญหาสากลมองว่า ข้อตกลงเฟสหนึ่งจีน-สหรัฐอาจไม่ละเมิดระเบียบองค์การการค้าโลก เพราะประเภทของสินค้าที่จีนจะเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐอาจแตกต่างจากที่จีนนำเข้าจากประเทศอื่น หรืออาจไม่สามารถหาได้จากประเทศอื่นเลย นอกจากนี้ยังเป็นการชดเชยปริมาณสินค้าสหรัฐที่จีนนำเข้าลดลงตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายเปิดฉากสงครามภาษีเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 ข้อตกลงทวิภาคีนี้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลสหรัฐที่มักพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับคู่ค้าหลักนอกเวทีองค์การการค้าโลก ดังนั้นหากประเทศใดมีข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐก็ต้องแก้ไขผ่านกลไกอื่นที่ไม่อยู่ในกรอบขององค์การการค้าโลก
องค์การการค้าโลกกำหนดหลักการให้สิทธิพิเศษทางการค้าไว้ว่า จะต้องไม่ใช่การบิดเบือนทางการค้า ขณะที่ในข้อตกลงเฟสหนึ่งนั้น จีนรับปากจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าและบริการของสหรัฐจากตัวเลขปี 2560 อีก 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6 ล้านล้านบาท) เป็นเวลา 2 ปี และจะคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ ส่วนสหรัฐรับปากจะลดภาษีลงครึ่งหนึ่งจากที่ได้เรียกเก็บร้อยละ 15 กับสินค้าจีนมูลค่า 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.66 ล้านล้านบาท) เมื่อเดือนกันยายน แต่ภาษีที่เหลือจะยังคงอยู่ต่อไป.- สำนักข่าวไทย