อุดรธานี 27 ธ.ค.-โชเฟอร์แท็กซี่สนามบินอุดรธานี เข้าแจ้งความ สภ.เมืองอุดรธานี ถูกหญิงจัดฉากส่งลูกสาวออทิสติกไปนอนกับชายหนุ่มเพื่อตบทรัพย์หนุ่ม
กรณีเมื่อวานนี้(26 ธ.ค.) ตำรวจจับกุมนางเอ และพวกอีก 6 คน ที่นำลูกสาวออทิสติก ส่งไปร่วมหลับนอนกับชายหนุ่ม ก่อนแต่งชุดข้าราชการไปกรรโชกทรัพย์ ตั้งแต่ 50,000 ถึง 500,000 บาท โดยมีหนุ่มอุดรธานีตกที่เป็นเหยื่อรายล่าสุด สูญเงินไป 250,000 บาท และแจ้งความจนทางตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ตามจับกุมตัวได้ ล่าสุดวันนี้ มีแท็กซี่ เหยื่อของแม่สาวออทิสติก ซึ่งถูกตบทรัพย์เข้าแจ้งความเพิ่ม
นายนรินทร์ มาคะดิลก อายุ 66 ปี โชเฟอร์แท็กซี่สนามบินอุดรธานี นำหลักฐานสลิปโอนรวมเงิน 15,000 บาท เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นางเอ อายุ 39 ปี ที่ตกเป็นข่าว จัดฉากส่งลูกสาวออทิสติกไปตบทรัพย์หนุ่ม นายนรินทร์ เผยว่า เคยถูกนางเอ หลอกให้โอนเงินไปให้หลายครั้ง ระหว่างวันที่ 16-17 ธันวาคมที่ผ่านมา รวมทั้งสิ้น 15,000 บาท ตนกำลังรวมรวมหลักฐานเพื่อจะมาแจ้งความ แต่เมื่อคืนเห็นข่าว นางเอ ถูกตำรวจอุดรธานีจับกุม แม้จะมีการเบลอหน้า แต่จำชื่อ และเรื่องราวเด็กสาวออทิสติกได้ มั่นใจว่าเป็นคนเดียวกัน
โดยพฤติการณ์ของนางเอ วันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้ติดต่อเหมารถของตนเดินทางไป จ.นครราชสีมา 5,000 บาท โดยบอกว่าจะไปเอารถเบนซ์ที่จอดไว้ไปทำธุระต่อ โดยมีลูกสาวที่เป็นออทิสติกและผู้หญิงอีกคนเดินทางไปด้วย ระหว่างนั่งรถได้พูดคุยหลายเรื่อง ทั้งเรื่องลูกสาวถูกล่วงละเมิดทางเพศ เธอยังทำทีขอซื้อแผ่นซีดีเพลงเก่าในรถแผ่นละ 500 บาท และเมื่อถึงที่โคราช เธอจ่ายเงินค่าเหมารถ 5000 บาท และให้ทิปตนอีก 1,000 บาท พร้อมขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นการ “ขุดบ่อล่อปลา” เพราะวันต่อมาเธอได้โทรมาหาขอความช่วยเหลือยืมเงินเติมน้ำมัน 5000 บาท เนื่องจากไปเสียพนันที่บ่อนปอยเปตหมดตัว ญาติโอนเงินให้ไม่ได้ ตนจึงโอนเงินไปให้ 5,000 บาท เช้าวันต่อมาโทรมาอีก บอกว่าขับรถไปชนเด็ก และทำตู้กระจก ต้องพาเด็กไปหาหมอ และจ่ายค่าตู้กระจก มีการให้ตนคุยกับพ่อเด็กที่บาดเจ็บ และเจ้าของของตู้กระจก ทำให้เชื่อ แต่ขณะนั้นตนไม่มีเงิน จึงให้ลูกโอนมาให้ 3,000 บาท เพื่อที่จะได้โอนไปให้นางเอ จากนั้นก็ไปยืมเงินจากอู่รถที่รู้จักกัน เพื่อโอนไปให้อีก รวมเป็นเงิน 15,000 บาท โดยเธอบอกว่าเมื่อกลับถึงอุดรฯ จะเคืนให้ แต่ก็เงียบหายไป และติดต่อไม่ได้ พยายามตามหาจากเบอร์โทร และเลขบัญชีที่โอนเงินให้ จึงรู้ชื่อ-นามสกุล และเมื่อมาทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมด เชื่อว่า นางเอ ไม่ได้ทำเพียงคนเดียว แต่ทำกันเป็นขบวนการ
ร.ต.ท.เกรียงไกร แสวงศรี รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เผย จากการสอบสวนทราบว่า นางกัญญ์ณณัฎฐ์ มีพฤติกรรมใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเหยื่อ เบื้องต้นจะนำข้อมูลส่งให้ชุดสอบสวน ภ.จว.อุดรานี ที่จับกุมตัว ให้ทำการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปบ้านพักนายตั้ม (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี เหยื่อที่ถูกหลอกให้จัดพิธีหมั้นและแต่งงาน ที่อ.หนองหาน พบญาติๆกำลังจับกลุ่มพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว โดยต่างพากันสลดใจที่แม่แท้ๆ พาลูกสาวป่วยออทิสติกมาทำเรื่องแบบนี้ พร้อมนำภาพรูปถ่ายงานหมั้นระหว่าง นายตั้มฯ และน.ส.บี มาให้ดู นายตั้ม เผยว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ได้เล่นแอปพลิเคชันหาคู่ และรู้จักกับ น.ส.บี อายุ 16 ปี อ้างว่าเรียนอยู่ ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหาร และแลกเบอร์โทร ก่อนนัดพบกันวันที่ 3 มิถุนายน ที่โรงพยาบาลหนองหาน ซึ่ง น.ส.บี หน้าตาดี แต่ไม่ค่อยพูด จึงพาไปร่วมหลับนอนที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง กระทั่งเช้าได้ไปส่งขึ้นรถบัสโดยสารกลับไป ส่วนตนไปทำงานตามปกติ
จากนั้นไม่นาน มีหญิง 2 คน ใส่ชุดข้าราชการ อ้างตัวเป็นแม่กับป้า น.ส.บี มาโวยวาย ว่าตนพาลูกสาวไปร่วมหลับนอน จะแจ้งความจึงกลับบ้าน พบนางเอแต่งชุดข้าราชการอ้างตัวเป็นครูอยู่ที่ จ.สกลนคร และนางซี อ้างตัวเป็นป้า และมีชายเป็นคนขับรถปิกอัพมาที่บ้าน พูดจาข่มขู่ตน อ้างว่าพ่อ น.ส.บี เป็นตำรวจยศพันตำรวจโท เป็นรองผกก.สังกัด สภ.น้ำโสม หากรู้เรื่องตนจะต้องถูกดำเนินคดีพรากผู้เยาว์
นายตั้ม กล่าวว่า ตอนนั้นรู้สึกตกใจจึงให้พ่อช่วยเจรจา ซึ่งทางนั้นเรียกค่าเสียหาย 3 แสน ต่อรองเหลือ 2.5 แสนบาท โดยจ่ายก่อน 5 หมื่นบาท อีก 2 แสนให้ไปจ่ายที่บ้านใน อ.น้ำโสม และจัดพิธีหมั้นหมายด้วย และให้สัญญาว่าจะส่ง น.ส.บี เรียนจนจบปริญญาตรี จึงจะแต่งงาน เมื่อถึงวันที่ 8 มิถุนายน ตนและญาติ 30 คน เดินทางไปทำพิธีหมั้นหมายที่บ้านโนนสมบูรณ์ ต.น้ำโสม และมอบเงินที่เหลือให้ โดยมีพิธีผูกข้อต่อแขนตามประเพณี มีญาติผู้ใหญ่ของตนไปร่วมงานหลายคน แต่ผิดสังเกตที่บ้านน.ส.บี มีญาติไม่ถึง 10 คน มาร่วมพิธี พอพิธีหมั้นเสร็จ ตนก็อยู่ที่บ้าน 2 วัน เริ่มผิดสังเกตุหลายเรื่อง จนกระทั่งทราบว่าถูกจัดฉากกรรโชกทรัพย์ โดยนางเอ เป็นแม่ น.ส.บี จริง แต่ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นพ่อ จึงให้ป้าและลุงรับเป็นลูก ซึ่ง น.ส.บี เป็นเด็กพิการทางสมอง ระดับ 4 เมื่อเริ่มโตเป็นสาว อายุประมาณ 15 ปี นางเอ ได้วางแผนพาลูกสาวไปหลับนอนกับผู้ชาย แล้วกรรโชกทรัพย์ รายละ 50,000-500,000 แสนบาท จึงสงสารเพราะเห็นว่าตนจริงใจกับ น.ส.บี โดยมีผู้ชายเจอแบบนี้แล้วหลายราย ตนจึงแจ้งตำรวจดำเนินคดี.-สำนักข่าวไทย