กรุงเทพฯ 4 ธ.ค. – กรรมาธิการคมนาคม สภาฯ ตรวจการบ้านคมนาคม กำชับดูแลการลงทุนเมกะโปรเจกต์ อย่าให้เกิดปัญหาการลงทุนซ้ำซ้อน
นายโสภณ ซารัมย์ ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังนำคณะกรรมาธิการฯ ตรวจเยี่ยมประชุมหารือร่วมกับ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และหัวหน้าส่วนราชการในสังกัด โดยระบุว่า กรรมาธิการคมนาคม ฯ ได้แลกเปลี่ยนคิดเห็น และได้ขอให้กระทรวงพิจารณาดำเนินการในประเด็นสำคัญ เช่น 1.การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ ต้องไม่ให้มีปัญหาการลงทุนที่ซ้ำซ้อน เนื่องจากรัฐบาลมีงบประมาณที่จำกัด 2.ขอให้กระทรวงคมนาคม เร่งรัดพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมพื้นที่เมืองกับชนบท เพื่อให้เกิดการพัฒนาแบบสมดุล และ 3.ขอให้เน้นย้ำนโยบายความปลอดภัยทางถนน โดยขณะนี้ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการความปลอดภัยทางถนนร่วมกัน โดยมอบให้นายนิกร จำนง เป็นประธานอนุฯกรรมาธิการ
โดยนายโสภณ ย้ำว่าแม้ว่าตน จะอยู่พรรคภูมิใจไทย พรรคเดียวกันกับ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แต่ในฐานะประธานกรรมาธิการคมนาคม สภาฯ ก็ไม่ได้ลดความเข้มงวด ในการตรวจสอบการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม รวมถึงยังได้ติดตามงานในโครงการต่างๆ รวมถึงประเด็นที่มีคดีความต่างๆด้วยว่า มีการดำเนินการอย่างไรไปบ้าง และ คืบหน้าอย่างไร
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า กระทรวงคมนาคมได้มีโครงการเมกะโปรเจกต์ในโครงการก่อสร้างพื้นฐาน เชื่อมพื้นที่เมืองกับชนบทอยู่แล้ว แต่กระทรวงมีข้อจำกัดเรื่องของงบประมาณไม่สามารถทำได้ครบทั้ง 100% ซึ่งที่ผ่านมาของบประมาณไป 100% จะได้รับจัดสรรเพียง 40% เท่านั้น ทำให้ต้องหาทางแก้ปัญหาด้วยการใช้รูปแบบให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน หรือ พีพีพี ในเมกะโปรเจกต์ต่างๆ
ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) กล่าวว่า ทางกรรมาธิการคมนาคม สภาฯ ได้ฝากให้กรมทางหลวงไปเร่งดำเนินการในส่วนของการเพิ่มจุดพักรถให้เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) และถนนทางหลวง รวมถึงถนนของทางหลวงชนบท(ทช.) เนื่องจากปัจจุบันคนขับรถบางครั้งขับทางไกล อยากมีจุดพักรถมากกว่าที่มีอยู่ หรือ ปั๊มน้ำมันแต่ปัจจุบันมีจำนวนน้อย นอกจากนั้นอยากให้กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ไปพิจารณารับโอนถนนที่เคยอยู่ในความรับผิดชอบของ ทล. และ ทช. จากที่เมื่อปี 48 ได้เคยมีการถ่ายโอนไปยังองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปถ.) กลับมายัง ทล. และ ทช. เนื่องจากพบว่าเมื่อมีการโอนย้ายไปแล้ว ทางหน่วยงานท้องถิ่นไม่มีงบประมาณที่จะมาบำรุงรักษา นอกจากนั้น ถนนที่เคยโอนไปยัง อปถ. แต่เดิมไม่มีความสำคัญ แต่ในปัจจุบันกับกลายเป็นโครงข่ายที่เชื่อมต่อสำคัญๆ ซึ่งในเรื่องนี้ทางนายศักดิ์สยาม ได้มอบหมายให้ ทล. และ ทช. ประสานกับกระทรวงมหาดไทย และกรรมาธิการคมนาคม สภาฯ ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ทั้งนี้ทางกรรมาธิการคมนาคม สภาฯ ยังได้เสนอให้ ทล. ไปดำเนินการพิจารณาขยายถนน บริเวณ เขาช่องตะโก ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดสระแก้ว กับ จังหวัดบุรีรัมย์ ให้มีช่องทางจราจรมากขึ้น เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักที่จะสามารถเชื่อมต่อจากภาคตะวันออก มายังอีสานใต้ ขณะเดียวกันจะมีปริมาณการใช้ถนนจำนวนมากในช่วงเทศกาล ประกอบกับพื้นที่นี้ยังติดพื้นที่เขตป่าสงวน ซึ่งตามมติ ครม.ระบุว่าหากพื้นที่ใดติดเขตป่า หรืออุทยาน จะไม่สามารถขยายถนนจาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจรได้ ดังนั้นทาง ทล. จึงจะนำเส้นทางถนนหลวง หมายเลข 304 มาเป็นต้นแบบในการดำเนินการ เนื่องจากถนนทางหลวง 304 เป็นถนนที่สร้างติดพื้นที่ป่าสงวน และเขตอุทยาน เพื่อให้สามารถก่อสร้างถนน ขณะเดียวกันยังเป็นพื้นที่ป่าที่ให้สัตว์ป่าสามารถใช้พื้นที่สัญจรผ่านไปมาได้ด้วย
นายสราวุธ กล่าวต่อว่า ทางคณะกรรมาธิการคมนาคม สภาฯ ยังได้ให้ ทล. ไปเร่งดำเนินการสร้างส่วนต่อขยายถถนทางยกระดับบรมราชชนนีเพิ่มขึ้น จากเดิมสิ้นสุดที่ พุทธมณฑล สาย 3 ให้ไปสิ้นสุดที่ถนนเพชรเกษม ซึ่งในเรื่องนี้ทาง ทล. จะนำไปพิจารณา แต่เบื้องต้นเห็นควรว่า ถ้าจะต่อขยายในส่วนนี้จะสามารถดำเนินการได้ก่อนในปีงบประมาณ 2564 จะต่อขยายถนนยกระดับนี้จากพุทธมณฑลสาย3 ไปสิ้นสุดที่พุทธมณฑลสาย 4 โดยมีระยะทาง 6 กม. นอกจากนั้นทางกรรมาธิการคมนาคม อยากให้ ทล. และ ทช. ไปหาจุดทำที่ขายสินค้าของชุมชน ตามถนนทล. และ ทช. หรือที่เรียกว่า ทางหลวงเพิ่มชุมชน เพื่อสร้างรายได้ และกระจายสินค้าของชุมชนด้วย . – สำนักข่าวไทย