ซันติอาโก 3 ธ.ค.- ชิลีเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 166,520 ล้านบาท) หลังจากเศรษฐกิจเดือนตุลาคมหดตัวที่สุดในรอบปี ขณะที่เหตุไม่สงบทางสังคมยังคงไม่คลี่คลาย ล่าสุดมีเด็กวัย 12 ขวบ ถูกจับเพราะขโมยของระหว่างการประท้วง
รัฐมนตรีคลังชิลีเปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น เช่น เพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐในปีหน้าอีก 3,030 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 91,703 ล้านบาท) เพื่อสนับสนุนธุรกิจทั้งขนาดเล็ก กลางและใหญ่ ริเริ่มโครงการใหม่ ๆ 525 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15,889 ล้านบาท) ที่จะทำให้เกิดการจ้างงานใหม่ 100,000 ตำแหน่งในปีหน้า เช่น ปรับปรุงระบบรถไฟใต้ดินในเมืองหลวงที่เสียหายหนักเพราะถูกประท้วงเรื่องขึ้นค่าโดยสารตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม และเป็นชนวนเหตุที่ทำให้การประท้วงทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้ มาตรการเหล่านี้จะทำให้งบประมาณรายจ่ายปีหน้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 จากปีนี้ และจะทำให้ยอดขาดดุลการคลังเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 4.4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP)
ก่อนหน้านี้ธนาคารกลางชิลีแจ้งจีดีพีเดือนตุลาคมว่า หดตัวถึงร้อยละ 3.4 มากกว่าที่ทางการคาดว่าจะหดตัวเพียงร้อยละ 1 และถือว่ามากที่สุดนับจากวิกฤตการเงินโลกถึงจุดสูงสุดเมื่อ 10 ปีก่อน สาเหตุหลักเพราะภาคบริการ การค้า และการผลิตลดลงรวมกันถึงร้อยละ 4 ขณะที่ภาคเหมืองแร่โตเพียงร้อยละ 2
ส่วนเหตุไม่สงบที่เกิดขึ้นทั่วประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นคืนที่ 46 ติดต่อกันแล้ว เด็กชายวัย 12 ขวบถูกจับเพราะขโมยแว่นตาจากร้านขายแว่นขณะที่มีการประท้วงในเมืองกอนเซปซิออน ทางตอนกลางของประเทศ ห่างจากกรุงซันติอาโกไปทางใต้ราว 500 กิโลเมตร ตำรวจให้ผู้ใหญ่ควบคุมความประพฤติเพราะอายุไม่ถึงเกณฑ์ที่จะถูกตั้งข้อหา จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงแล้ว 23 คน บาดเจ็บกว่า 2,000 คน.- สำนักข่าวไทย