กรุงเทพฯ 23 พ.ย.- เงินบาทเคลื่อนไหวกรอบแคบแคบ ดัชนีหุ้นไทยหลุด 1,600 จุด รอดูผลเจรจาการค้าจีน-สหรัฐจะยุติชัดอย่างไร
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์ หลังจากมีสัญญาณที่สะท้อนความคืบหน้าของข้อตกลงทางการค้าเฟสแรกของสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวขึ้นในช่วงต่อมา ก่อนจะทรงตัวในกรอบแคบๆ จนถึงช่วงปลายสัปดาห์ หลังประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าร่วมกันได้ ประกอบกับประเด็นของฮ่องกงมีความตึงเครียดมากขึ้น ซึ่งทำให้ตลาดยังคงรอปัจจัยเพิ่มเติมจากการหารือของทางการทั้ง 2 ประเทศ เพื่อประเมินโอกาสของการเกิดดีลการค้าเฟสแรกภายในปีนี้อย่างใกล้ชิด
ในวันศุกร์ (22 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 30.18 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 30.22 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (15 พ.ย.)
ด้านดัชนีตลาดหุ้นไทยลดลงหลุดแนว 1,600 จุดอีกครั้ง โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,597.72 จุด ลดลง 0.28% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,710.61 ล้านบาท ลดลง 4.30% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai เพิ่มขึ้น 0.17% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 320.02 จุด
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (25-29 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.10-30.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,575 และ 1,550 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,605 และ 1,615 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ สถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/62 รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ยอดขายบ้านใหม่ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ กำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ของจีน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น -สำนักข่าวไทย