กรุงเทพฯ 16 พ.ย.-เงินบาทกลับมาทยอยแข็งค่า ดัชนีหุ้นร่วง กังวลต่อ หลัง “ทรัมป์” ไม่ตอบตกลงข้อเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน
บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า เงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา ขยับแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับทิศทางเงินเยนซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย ที่ได้รับแรงหนุนท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์การเจรจาการค้าของสหรัฐฯ-จีน ซึ่งมีสัญญาณเชิงลบตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมากล่าวว่ายังไม่มีการตอบตกลงเรื่องการทยอยลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน และสหรัฐฯ อาจปรับเพิ่มภาษีอีกครั้ง หากสองประเทศไม่บรรลุข้อตกลงทางการค้าระยะแรกระหว่างกัน อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาทรงตัวในกรอบแคบๆ ในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนยังคงรอประเมินความคืบหน้าของดีลการค้าของสหรัฐฯ-จีนอย่างใกล้ชิด
ในวันศุกร์ (15 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 30.21 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 30.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (8 พ.ย.)
ด้าน ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,602.23 จุด ลดลง ร้อยละ 2.17 จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,763.36 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19.10 จากสัปดาห์ก่อน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ลดลงร้อยละ 3.95 จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 319.49 จุด
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (18-22 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.10-30.40 บาทต่อดอลลาร์ฯบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,590 และ 1,575 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,615 และ 1,625 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/62 ของไทย สถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน สถานการณ์ BREXIT รวมถึงถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟด ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. ดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนพ.ย. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น รวมถึงดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) เดือนพ.ย.ของยูโรโซนและญี่ปุ่น –สำนักข่าวไทย