ดีเอสไอ 28ต.ค.- ลูกแชร์แม่มณีกว่า 200 ราย บุกร้องดีเอสไอ เอาผิด แม่มณี ดีเอสไอยืนยันหากคิด หนีจะตามล่าจนครบอายุความ และติดตามยึดทรัพย์ไม่หยุด
บ่ายวันนี้ผู้เสียหายแชร์ลูกโซ่ “แม่มณี” กว่า 200 คน เข้าร้องทุกข์กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ โดยมี นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยบริการประชาชน เป็นตัวแทนรับเรื่อง เพื่อขอให้ดีเอสไอเอาผิดกับ แม่มณี หรือ น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หรือ เดียร์ อดีตพริตตี้แม่ค้าออนไลน์ อายุ 30 ปี ชาว จ.อุดรธานี โดยมีพฤติกรรมหลอกให้ผู้เสียหายมาร่วมลงทุนเงินออมในลักษณะแชร์ลูกโซ่ อ้างผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 93 เบื้องต้นมูลค่าเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท
นายปิยะศิริ กล่าวว่า หลังดีเอสไอรับเรื่องร้องทุกข์จะเสนอให้ อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติการสืบสวน และลงพื้นที่สอบปากคำพยาน เบื้องต้นจะให้ผู้เสียหายทุกรายบันทึกปากคำ และจะให้ส่งรายละเอียดข้อมูลแชร์ลูกโซ่ทางคิวอาร์โค้ด ขอยืนยันว่าดีเอสไอจะเร่งรัดการสืบสวน และจะประสานข้อมูลกับตำรวจ ปอท. ซึ่งทางกลุ่มผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ก่อนหน้านี้
สำหรับ แม่มณี รวมถึงกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้อง ขอให้แสดงความบริสุทธิ์ใจ และเข้าพบพนักงานสอบสวน เพราะขณะนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก กว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในสภาวะยากลำบากจากการถูกหลอก อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ที่เคยทำคดีแชร์ลูกโซ่มักจะมีผลตอบแทน ร้อยละ 15-20 ต่อเดือน แต่แชร์แม่มณี เป็นชร์ที่น่าตกใจมาก เพราะตี้งแต่ทำคดีมาไม่เคยเจอแชร์ลูกโซ่วงไหนให้ผลตอบแทน มากถึงร้อยละ 93 พร้อมคืนเงินต้น และเป็นการชักชวนให้ลงทุนผ่านสื่อออนไลน์ เมื่อลงทุนแล้วก็จะถูกดึงเข้ากลุ่มไลน์ พฤติการณ์ดังกล่าวไม่ใช่การประกอบธุรกิจ แต่เป็นการนำเงินมาจัดลำดับการจ่าย หรือนำเงินของผู้ลงทุนเงินรายใหม่มาจ่ายให้รายเก่า ทั้งนี้ขอให้ผู้เสียหายทั้งหมดมั่นใจได้ เพราะคดีนี้ดีเอสไอ จะตาม น.ส.วันทนีย์ ให้ถึงที่สุด
“ถ้าท่านไม่มาพบพนักงานสอบสวน ผมจะตามล่าจนถึงที่สุด จนกว่าคดีนี้อายุความจะหมด และจะตามยึดทรัพย์ไม่หยุด ถ้าหลบหนีไปต่างประเทศก็จะออกหมายจับ แต่เชื่อว่ายังอยู่ในประเทศไทย ส่วนทรัพย์สินที่ได้ไปจากการฉ้อโกงก็เชื่อว่ายังอยู่ในประเทศไทย คาดว่าภายใน 1 เดือนน่าจะได้ตัวแม่มณีมาดำเนอนคดี” นายปิยะศิริ กล่าว
ส่วนกรณี ผู้ที่เป็นแม่ข่ายชักชวนให้ผู้อื่นให้นำเงินมาลงทุน นายปิยะศิริ กล่าวว่า ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าจะถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนด้วยหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมในการเชิญชวนนั้น ทำโดยสุจริตใจ หรือมีลักษณะเป็นข้อต่อแชร์ลูกโซ่ ซึ่งลักษณะการโอนเงินจะบ่งชี้ได้
รวมถึงปฏิเสธที่จะตอบข้อซักถามเกี่ยวกับ มะนาว หรือ น.ส.จุฑาทิพย์ นิ่มนวล ซึ่งเป็นแม่ข่ายชักชวนให้ร่วมลงทุนแชร์แม่มณี จนมีผู้ได้รับความเสียหายกว่า 70 ล้านบาท โดยระบุเพียงว่า ต้องรอให้ทราบข้อมูลในชั้นสืบสวนก่อนว่าใครเกี่ยวข้องอย่างไร
ด้านตัวแทนผู้เสียหายรายหนึ่ง กล่าวว่า ตนเพิ่งจะเคยลงทุนกับแม่มณีเป็นที่แรก โดยทดสอบด้วยการลงทุนจำนวนน้อยก่อนและเห็นว่าคืนครบ-ตรงเวลา โดยแม่มณีจะดึงเข้ากลุ่มไลน์ทำให้เห็นข้อมูลการโอนเงินของคนอื่น มีทั้งหลักแสนบาทถึงหลักล้านบาท จึงเพิ่มเงินลงทุนและเมื่อตรวจสอบที่เฟซบุ๊ก ก็พบรูปโปรไฟล์เป็นเน็ตไอดอล และเป็นผู้จัดละครและสร้างภาพยนตร์ พร้อมทั้งมีธุรกิจอื่นอีกมาก ทำให้มีผู้ติดตามเป็นกลุ่มแม่ลูกอ่อนจำนวนมาก
โดยเชื่อว่าเป็นการระดมทุนเพื่อนำเงินไปสร้างหนัง ที่ผ่านมาสมาชิกถามว่าเอาเงินไปทำอะไรก็จะถูกด่า และย้ำว่าการออมกับแม่มณี ห้ามถามให้รอรับเงินอย่างเดียว ภายหลังจากแชร์วงแตก ตนเข้าไปสืบค้นข้อมูลพบว่าแม่มณีเพิ่งจะเริ่มระดมทุนเมื่อเดือนมีนาคม 62 และแตกวง ปิดเฟซบุ๊กในวันที่ 23 ต.ค.62 จากนั้นก็ขาดการติดต่อกับสมาชิก
ด้านผู้เสียหาย ที่มีลูกป่วยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนมีอาชีพค้าขายต้องเลี้ยงลูกที่ป่วยและมารู้จักกับแม่มณี ในวงการค้าผ้า โดยแม่มณีโอนเงินมาช่วยเหลือค่ารักษาลูก 1,000 บาท ตนจึงนำเงินดังกล่าวไปออมเมื่อครบเดือนก็ได้กลับคืนมา 1,930 บาท จึงมั่นใจว่าไม่ถูกหลอก และเพิ่มการออมไปเรื่อยๆ จนล่าสุดเทเงินออมหมดหน้าตัก 30,000 บาท เพื่อนำผลตอบแทนไปเปลี่ยนเครื่องช่วยหายใจให้ลูก แต่แชร์แม่มณีกลับวงแตก และติดต่อกับแม่มณีไม่ได้อีกเลย
ผู้เสียหายอีกรายเปิดเผยว่า ตนเคยเจอแม่มณีแบบตัวเป็นๆ ในงานมีตติ้งกลุ่มผู้ออมเงิน โดยสมาชิกที่ไปจะเป็นสมาชิกที่มีเงินฝากตั้งแต่หลักล้านบาท ส่วนตัวลงทุนไป 21 ล้านบาท ยอมรับว่าแม่ๆ ของแต่ละบ้านจะมีการชักชวนบุคคลภายนนอกให้เข้าร่วมลงทุน ส่วนจะชักชวนและหักผลตอบแทนจากสมาชิกอย่างไรตนไม่ทราบ
ด้าน คู่รักที่เป็นผู้เสียหาย โดนหลอกเงินไปกว่า 4 ล้านบาท ระบุว่า ติดตามเฟซบุ๊กของ น.ส.วันทนีย์ ต่อเนื่องนานถึง 2 ปี เห็นว่ามีอาชีพการงาน มีหน้ามีตาทางสังคม ไม่คิดว่าจะเอาชื่อเสียงตัวเองมาทิ้ง เมื่อเปิดให้ออมเงิน ที่บอกว่ามีผลตอบแทนถึง ร้อยละ 93 ตอนแรกก็ฉุกคิดว่าจะหลอกหรือไม่ ก็เลยลองใส่เงินก้อนแรกไป 1,000 บาท แล้วเดือนต่อมาก็ได้ผลตอบแทนตามที่บบอก จึงเพิ่มเป็นหลักหมื่น ก็ได้ผลตอบแทนตามที่บอก จึงไปชักชวนญาติๆเพื่อนบ้านมาลงทุน และตัวเองก็เอาบ้านไปจำนองด้วยได้เงินมา 2 แสนก็นำไปลงทุนรวมกัน เป็นเงิน 4 ล้านกว่าบาท สุดท้ายก็โดนหลอกเชิดเงิน ไม่คิดว่าเขาจะยอมทุบหมอข้าวตัวเองแบบนี้ และสุดท้ายตอนนี้ก็โนญาติๆเพื่อนบ้าน เตรียมฟ้องดำเนินคดีเอาผิดในข้อหาหลอกลวงฉ้อโกงด้วย ยอมรับว่าตอนนี้ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปในคุกแล้ว.-สำนักข่าวไทย