กรุงเทพฯ 28 ต.ค. – นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ระบุว่าการถูกสหรัฐฯ ตัด GSP จะไม่ส่งผลกระทบต่ออาหารแช่แข็งส่งออกของไทยมากนัก เพราะพิกัดสินค้าที่ถูกตัดสิทธิ์บางรายการไม่ตรงกับที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ อยู่แล้ว
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ให้สัมภาษณ์ทางคลื่นข่าว F.M.100.5 MHz อสมท กรณีไทยถูกสหรัฐฯ ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ระบุว่า สินค้าอาหารทะเลแช่แข็งของไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ น่าจะได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะเมื่อดูจากรายละเอียดของพิกัดรายการสินค้าที่ถูกตัด GSP แม้จะเป็นสินค้ารายการเดียวกัน แต่ไม่ตรงกับพิกัดสินค้าที่ไทยส่งออก เช่น ปลาซาร์ดีน และปลาทูน่า ถูกตัด GSP เฉพาะบรรจุภัณฑ์ขนาด 225 กรัมขึ้นไป ขณะที่ไทยส่งออกในรูปปลากระป๋อง และถุง Pouch ซึ่งไม่ใช่พิกัดที่ถูกตัด GSP ส่วนกุ้งแช่แข็งเป็นสินค้าที่ไม่ถูกเรียกเก็บภาษีอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับ GSP แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม มีอาหารแช่แข็งประมาณ 3-4 หมวดที่อาจได้รับผลกระทบ เช่น อาหารแปรรูปพร้อมรับประทานที่มีส่วนประกอบของอาหารทะเลแช่แข็ง เช่น ข้าวผัดกุ้ง ขนมจีบ ฮะเก๋า ที่มีส่วนประกอบของอาหารทะเล ซึ่งการถูกตัด GSP จะทำให้อัตราภาษีเพิ่มขึ้นจาก 0 เป็นถึง 10% ซึ่งทั้งหมดนี้ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกำลังพิจารณารายละเอียดและหารือกับคู่ค้าในสหรัฐฯ อีกครั้ง เพื่อหาทางแก้ปัญหาต่อไป
ส่วนปัญหาเรื่องแรงงานต่างด้าวที่สหรัฐฯ ใช้เป็นเหตุผลในการตัด GSP ครั้งนี้ นายพจน์ ยอมรับว่า มีการผลักดันจากทางการสหรัฐฯ ประมาณ 4-5 ปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไทยก็พยายามปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ มาโดยตลอด เชื่อว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ให้สิทธิเสรีภาพแก่แรงงานต่างด้าวเท่าเทียมกับแรงงานไทยทุกประการ และสอดคล้องกับข้อตกลงขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) แต่ยอมรับว่าสิทธิเสรีภาพบางอย่างเป็นเรื่องเฉพาะของคนไทย ซึ่งแต่ละประเทศก็มีเงื่อนไขแตกต่างกัน หากจะให้เท่าเทียมกันก็จะกลายเป็นปัญหาภายในประเทศเราเอง.-สำนักข่าวไทย