นายกฯ ระบุ มีเวลาอีก 6 เดือน คุยสหรัฐฯ หลังถูกตัด GSP

ไบเทค บางนา 28ต.ค.- นายกรัฐมนตรี ระบุมีเวลาอีก 6 เดือน หลังถูกตัด GSP มั่นใจยังพูดคุยสหรัฐฯ ได้  หากไม่ได้ ขอเอกชนปรับตัว  โดยเฉพาะเรื่องแรงงาน อย่าโยงสาเหตุอื่นจนทำสถานการณ์แย่กว่าเดิม มองไม่มีประโยชน์ หากจวกกันไปมา เตรียมนำประเด็นนี้หารือในที่ประชุมสุดยอดอาเซียนด้วย


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีสหรัฐฯ ประกาศตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรสินค้า (GSP)  กับไทยกว่า 573 รายการ ว่า  การประกาศระงับสิทธิ์ดังกล่าว ไม่ได้ระงับแค่ประเทศไทยประเทศเดียว ยังมีประเทศอื่นที่ถูกระงับเช่นกัน  เป็นเรื่องของสหรัฐฯ  ที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้ให้สิทธิประโยชน์นี้กับไทย  เป็นระยะเวลา 9 ปีแล้ว  ต้องยอมรับว่าบางเรื่องมีกำหนดเวลาของมัน และนี่อาจเป็นไปตามระยะเวลาที่สหรัฐฯ ระบุไว้ จึงไม่ต้องการให้คาดเดากันไปมา ว่าการตัดสิทธิ์นั้นมาจากสาเหตุใด   การระงับสิทธิ GSP ดังกล่าว  

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐบาลทราบมาอยู่แล้ว และได้ดำเนินการแก้ไขมาโดยตลอด  กระทรวงพาณิชย์ก็มีการเจรจา แต่ข้อสำคัญคือ ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศของเราเองด้วย โดยเฉพาะเรื่องแรงงาน ว่าเราสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน   เราก็มีปัจจัยหลายอย่างเกี่ยวกับกฎระเบียบของเรา เช่น เรื่องการก่อตั้งสหภาพของต่างด้าว ต้องดูว่าทำได้มากน้อยเพียงใด 


“รัฐบาลขอยืนยันว่า พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด  วันนี้ยังไม่มีประเทศใดเดาได้ว่า แต่ละประเทศจะทำอย่างไรต่อไป จึงขึ้นอยู่กับกติกาว่าจะเป็นอย่างไร  กติกาของประเทศเขา เราก็เคารพ   ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องตื่นตระหนก หรือกล่าวให้ร้ายกันไปมา เพราะไม่เกิดประโยชน์” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่ดูจากตัวเลขการถูกตัดสิทธิ์มีไม่มากนัก เพราะจากที่เริ่มเก็บภาษีตามปกติใน 573 รายการ ความเป็นจริงเราส่งออกเพียง 300 กว่ารายการเท่านั้น สิ่งสำคัญในวันนี้ประเทศไทยต้องตื่นตัว ขณะนี้ รัฐบาลก็ตื่นตัวแล้ว เหลือแต่เอกชนที่ต้องตื่นตัวไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องแรงงาน จึงขอให้ทุกคนช่วยกันแก้ไขปัญหา ไม่ใช่มัวแต่ว่ากันไปมา เพราะจะไม่ได้อะไรขึ้นมาต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีการส่งตัวแทนของประเทศไทยไปเจรจาในทุกกรณีที่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่ว่าประเทศต้นทางยินยอมมากน้อยเพียงใด ขณะนี้ยังมีเวลาอีก 6 เดือน ที่ไทยต้องหาทางเจรจา หากไม่ได้ก็คือไม่ได้ เพราะคือกฎหมายของประเทศเขา พร้อมกับย้ำว่า 


“ขออย่าคาดเดาว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องใด ขออย่าให้เป็นปัญหาทางการเมืองอีก อย่าพูดให้ทุกอย่างเลวร้ายไปกว่าเดิม  ขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ยังดีอยู่ และยังคงเป็นคู่ค้าที่สําคัญของไทย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีการนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมสุดยอดอาเซียนที่จะถึงนี้ด้วย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การที่สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าตามปกติกับไทย อาจเป็นไปได้ว่ารายได้ต่อเดือน ต่อหัวของประเทศไทยดีขึ้น  แต่มั่นใจว่าสามารถพูดคุยกับสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากทั้งสองประเทศยังคงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีกทั้งยังเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญต่อกัน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง