กรุงเทพฯ 23 ต.ค. – กรมการขนส่งทางบกเตรียมศึกษาการติดตั้ง GPS รถทุกประเภท พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน คาดใช้เวลา 1 ปี ย้ำไม่เป็นภาระประชาชน
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงแนวคิดการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อระบบ GPS Tracking ให้ครอบคลุมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ว่า เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน สามารถเข้าถึงการควบคุมพฤติกรรมการขับขี่ อาทิ การใช้ความเร็ว การแสดงสถานที่ของรถยนต์เพื่อลดการก่ออาชญากรรม และการฝ่าฝืนการกระทำผิดกฎจราจร
ทั้งนี้ การพิจารณากำหนดนโยบายให้รถส่วนบุคคลติดตั้งระบบ GPS Tracking กรมการขนส่งทางบกต้องทำการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะแนวทางความเป็นไปได้และผลกระทบที่เกิดขึ้น ต้องศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน อาทิ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, กฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารราชการ ไปจนถึงการกำหนดการบังคับใช้ในข้อกฎหมายให้อยู่ในกฎกระทรวงหรือกฎหมายใด อีกทั้งยังต้องพิจารณาปัจจัยด้านราคาค่าอุปกรณ์การติดตั้งและค่าบริการ ซึ่งการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากระบบ GPS Tracking ใช้กับรถส่วนบุคคลดังกล่าว จะมุ่งเน้นประโยชน์ด้านความปลอดภัยเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันการโจรกรรมอีกด้วย โดยการดำเนินมาตรการนี้จะต้องไม่เป็นการเพิ่มภาระให้แก่ประชาชน รวมถึงจะต้องมีการเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนและผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ซึ่งทั้งหมดคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 1 ปี ก่อนได้ข้อสรุปเพื่อดำเนินการต่อไป
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การศึกษาการติดตั้ง GPS Tracking รถทุกประเภทนั้น กรมการขนส่งทางบกจะต้องมีการหารือร่วมกับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นหน่วยงานภาคการผลิตตั้งแต่ต้นทางจากโรงงาน เพื่อพิจารณาแนวทางกำหนดให้มีการติดตั้ง GPS กับรถใหม่ที่ผลิตจากโรงงานผู้ผลิต เพื่อให้ไม่สร้างผลกระทบกับประชาชน อีกทั้งยังต้องพิจารณามาตรการด้านความปลอดภัยของข้อมูล โดย ทุกประเด็นการบังคับใช้การ GPS Tracking ในรถส่วนบุคคลทุกประเภท จะต้องผ่านการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน เพื่อมุ่งทำความเข้าใจและพัฒนามาตรการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน โดยเชื่อมั่นว่าหากผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ความร่วมมือ ตระหนักถึงบทบาท หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน จะเป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว.-สำนักข่าวไทย