กรุงเทพฯ 28 ก.ย.-กฟผ. แจงเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาลทุกเรื่องโปร่งใส ทั้งซื้อไฟฟ้าเพื่อนบ้าน เตรียมเสนอแผนนำเข้าแอลเอ็นจีแบบ Spot เพื่อทดสอบระบบ พ.ย.นี้ เดินหน้ารับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ ช่วยเหลือเกษตรกร คาดเริ่มส่งมอบ 28 ต.ค.
นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยความคืบหน้าการนำเข้านำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ว่า กฟผ. เตรียมเสนอแผนนำเข้าแอลเอ็นจี แบบ Spot ปริมาณไม่เกิน 200,000 ตัน ต่อคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ตามมติเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 เพื่อทดสอบระบบการแข่งขันเสรีในกิจการก๊าซธรรมขาติ โดยมีกำหนดจะขึ้นทะเบียนผู้ค้าที่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น และออกประกาศเชิญชวนเพื่อให้ผู้ค้าที่ขึ้นทะเบียนแล้วร่วมเสนอราคาภายในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะได้ผู้จัดหาแอลเอ็นจีให้กับ กฟผ. ในเดือนเดียวกัน ทั้งนี้ ตั้งเป้านำเข้าแอลเอ็นจีล็อตแรกเพื่อทดสอบระบบภายในเดือนพฤศจิกายน 2562
ส่วนความคืบหน้าการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบส่วนที่เหลือจำนวน 133,750 ตัน เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกงให้ครบ 200,000 ตัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 กฟผ. ได้แบ่งการรับซื้อออกเป็น 2 งวด งวดแรกจำนวน 110,000 ตัน กฟผ. ได้ออกประกาศเชิญชวนโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบที่มีสตอกไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของน้ำมันปาล์มดิบที่เสนอขาย ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน – 8 ตุลาคม โดยมีกำหนดยื่นเสนอราคาในวันที่ 9 ตุลาคม และจะเริ่มลงนามสัญญาตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม เพื่อส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบเข้าคลังน้ำมันปาล์มดิบที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
สำหรับน้ำมันปาล์มดิบที่เหลืออีก 23,750 ตัน กฟผ. จะจัดซื้อเพื่อดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มในตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มเพื่อยกระดับราคาผลปาล์มตามวัตถุประสงค์ของฝ่ายนโยบายต่อไป ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน กฟผ. ได้ดำเนินการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรแล้วรวมทั้งสิ้น 226,250 ตัน
นายพัฒนา ยังกล่าวถึง การซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของ กฟผ. แต่อยู่ภายใต้การพิจารณาและกำกับดูแลของกระทรวงพลังงานของประเทศไทยและประเทศผู้ขายไฟฟ้า โดย กฟผ. ดำเนินการตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายจากภาครัฐ ซึ่งมอบหมายภายใต้กรอบแผน PDP2018 ยึดหลักการทำงานด้วยความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และคำนึงถึงประโยชน์สุขของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ-สำนักข่าวไทย