กรุงเทพฯ 17 ก.ย.- จอมพลังทีมชาติไทย หมดสิทธิ์ลงทำศึกยกน้ำหนักชิงแชมป์โลก 2019 ที่พัทยา จะส่งผลกระทบต่อวงการยกน้ำหนักและวงการกีฬาไทยอย่างไรไปติดตามจากรายงานพิเศษ
ปัญหาการใช้สารกระตุ้นต้องห้ามมีมาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดมาถึงคิวของจอมพลังทีมชาติไทย ที่ถูกตรวจพบสารกระตุ้นต้องห้าม จากศึกยกน้ำหนักชิงแชมป์โลกเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ประเทศเติร์กเมนิสถาน จนนำมาสู่การแสดงความรับผิดชอบของสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ที่ไม่ส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันในระดับนานาชาติตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งระยะเวลา 5 เดือนนับจากนั้น สมาคมได้ตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง และส่งเรื่องไปยังสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ หรือ IWF เพื่อชี้แจงว่าสารต้องห้ามที่ตรวจพบในนักกีฬาทีมชาติไทย เกิดจากการใช้ยาทารักษาอาการบาดเจ็บของผู้ฝึกสอนชาวจีน แต่เนื่องจาก IWF ได้ทำข้อตกลงคุมเข้มการใช้สารกระตุ้นต้องห้าม กับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ IOC เพื่อให้กีฬายกน้ำหนักยังอยู่ในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส จึงไม่อนุญาตให้จอมพลังทีมชาติไทยลงแข่งขันในยกน้ำหนักชิงแชมป์โลก 2019 ระหว่างวันที่ 18-27 กันยายนนี้ ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
สำหรับจากการชี้ขาดของ IWF ในครั้งนี้ จะส่งผลให้จอมพลังทีมชาติแทบจะหมดโอกาสในการควอลิฟายไปโอลิมปิกเกมส์ 2020 โตเกียวเกมส์ เนื่องจากการควอลิฟายในปัจจุบันจะต้องระบุตัวนักกีฬาที่จะส่งไปคว้าโควตา และต้องแข่งขันอย่างน้อย 6 รายการ ซึ่งแม้ว่าจะลงแข่งขันได้ แต่โควตาของไทยก็ยังถูกปรับลดเหลือเพียง ชาย 1 หญิง 1 จากที่เราเคยคว้าโควตาหญิงเต็ม 4 ที่นั่ง
อนาคตนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย จะได้กลับมาสู่เวทีแข่งขันอีกครั้งเมื่อไร วันที่ 25 กันยายนนี้ สหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ หรือ IWF จะประชุมชี้ขาดอีกครั้ง ซึ่งหากมีบทลงโทษที่ชัดเจนออกมาแบนทีมชาติไทย 1-2 ปี เหมือนที่ชาติมหาอำนาจอย่างจีน และรัสเซีย เคยถูกลงโทษจนหมดสิทธิ์โชว์พลังในรีโอเกมส์ 2016 มาแล้ว ก็น่าจะถือเป็นการยกเครื่องวงการยกลูกเหล็กไทยเลยทีเดียว.-สำนักข่าวไทย