กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – บมจ.ราชบุรีปรับแผนก้าวสู่ธุรกิจอื่นนอกเหนือไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เล็งธุรกิจอีวี แบตเตอรี่ น้ำประปา ส่วนรถไฟฟ้าจับมือพันธมิตรเสนอราคารถไฟฟ้าสายชมพู-เหลืองแน่นอน คาดมีผู้เสนอราคา 3-4 ราย จากซื้อซองรวม 17 ราย
นายรัมย์ เหราบัตย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง กล่าวว่า บริษัทกำลังปรับแผนการดำเนินการของบริษัทในอนาคต โดยนอกจากจะดำเนินการธุรกิจไฟฟ้าตามเป้าหมาย 9,700-10,000 เมกะวัตต์ในปี 2566 จากปัจจุบันมีกำลังผลิต 6,980 เมกะวัตต์แล้ว ยังตั้งเป้าหมายลงทุนธุรกิจสาธารณูปโภคอื่น ๆ ต่อเนื่อง เช่น รถไฟฟ้า ประปา เทคโนโลยีด้านสมาร์ทกริด รถยนต์นั่งไฟฟ้า (อีวี)ธุรกิจแบตเตอรี่เพื่อพลังงานทดแทน
ล่าสุดบริษัทฯ ตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขันประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู เพราะเป็นธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมและไฟฟ้าควบคู่กัน โดยยอมรับการที่มีผู้ซื้อซองเสนอราคา 17 ราย แต่สุดท้ายแล้วคาดว่าจะมีการจับกลุ่มกันและเสนอราคาเพียง 3-4 รายเท่านั้น ซึ่งบริษัทเจรจากับผู้ร่วมทุนในการยื่นเสนอราคา แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
“ทั่วโลกกำลังมองว่าอีก 10 ปีข้างหน้าสัดส่วนของพลังงานทดแทนจะเพิ่มขึ้นเป็นครึ่งหนึ่งของกำลังผลิตทั่วโลก ดังนั้น การขยายกำลังผลิตไฟฟ้าของบริษัทจะขยายตัวมายังพลังงานทดแทนเพิ่มจากร้อยละ 12 เป็นร้อยละ 20 และมีการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น” นายรัมย์ กล่าว
สำหรับตลาดใหม่ที่มีศักยภาพและเป็นเป้าหมายของบริษัทฯ ที่จะขยายการลงทุนจะอยู่ในต่างประเทศ โดยจัดแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะให้ความสำคัญกับประเทศเมียนมาร์และกัมพูชาเพราะช่วยเอื้อประโยชน์ต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศด้วย กลุ่มประเทศอาเซียน จะเน้นที่อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม และกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก ได้แก่ ญี่ปุ่น และจีน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าและธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่กำลังเจรจาและศึกษาความเหมาะสมการลงทุนในประเทศเป้าหมายเหล่านี้แล้ว ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงหลัก พลังงานทดแทน และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ซึ่งคาดว่าหลายโครงการจะได้ข้อสรุปชัดเจนปีนี้ ส่วนฐานธุรกิจเดิมในประเทศไทย สปป. ลาว และออสเตรเลีย ได้ทุ่มความพยายามขยายการลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะโครงการพลังงานทดแทนและธุรกิจใหม่อื่น ๆ ในประเทศไทย
สำหรับผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือน ปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้ 27,399 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับปี 2558 โดยแบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศ 2,091 ล้านบาท และรายได้ในประเทศ 25,307 ล้านบาท ฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 มีสินทรัพย์รวม 95,352 ล้านบาท หนี้สิน 34,280 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 61,072 ล้านบาท และกำไรสะสม 46,615 ล้านบาท.- สำนักข่าวไทย