นิคมฯ สงขลาคืบตามแผนเสร็จปี 63

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – กนอ.เผยนิคมฯ สงขลาคืบ พัฒนาพื้นที่ตามแผนเสร็จปี 63 ระบุนักลงทุนไทย-จีน-มาเลย์ 5 ราย จ่อใช้พื้นที่ขยายฐานผลิต 40-50 ไร่            


นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า  ปัจจุบันนิคมอุตสาหกรรมสงขลาอยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่ก้าวหน้าไปแล้วกว่า 11 % และเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 คาดว่าจะเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการนักลงทุนเข้าใช้พื้นที่ เพื่อประกอบกิจการของกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมด้านโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุตสาหกรรมบริการไตรมาส 4 ปี 2563    


นางสาวสมจิณณ์ กล่าวว่า นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ กนอ.จัดทำมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติมในนิคมฯ สงขลา เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ที่ให้ความสนใจนิคมฯสงขลา เพราะเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ เนื่องจากมีระบบโลจิสติกส์ครบวงจร ทั้งด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นด่านทางบกที่มีมูลค่าการค้าสูงสุดอยู่ใกล้ท่าเรือปีนัง และท่าเรือกลางของมาเลเซียและในอนาคตจะมีการพัฒนามอเตอร์เวย์สามารถเชื่อมโยงระหว่างนิคมฯ ยางพารา (Rubber City) ที่จะต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศ 

สำหรับนิคมฯ ดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) ที่ กนอ.อยู่ระหว่างพัฒนาเป็นพื้นที่รองรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติแต่ละประเทศเป็นการเฉพาะ เช่น เกาหลี จีน ไต้หวัน เป็นต้น และอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี สอดรับกับมาตรการส่งเสริมการลงทุนภายใต้โครงการ Thailand Plus ของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา หากโครงสร้างพื้นฐานสามารถดำเนินการเสร็จเป็นไปตามแผนที่รัฐบาลกำหนด เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มนักลงทุนพิจารณาตัดสินใจเข้ามาลงทุนในนิคมฯ สงขลาได้อย่างแน่นอน   

นอกจากนี้ การพัฒนาโครงการนิคมฯ สงขลาระยะแรก 629 ไร่ แบ่งออกเป็นพื้นที่รองรับอุตสาหกรรมทั่วไป เขตพาณิชยกรรม และโรงงานสำเร็จรูป ประมาณ 347 ไร่ พื้นที่สาธารณูปโภคส่วนกลาง พื้นที่สิ่งอำนวยความสะดวก และพื้นที่ สีเขียว ซึ่งได้ออกแบบภายใต้แนวคิดการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Estate) ที่ทุกภาคส่วนทั้งสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน 283 ไร่ ปัจจุบันพื้นที่นิคมฯ แห่งนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีนักลงทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะมาเลเซีย และ จีน ประมาณ 5 ราย ติดต่อสอบถามข้อมูลและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจในการเข้ามาประกอบกิจการ ซึ่งจากการเจรจากับผู้ประกอบการดังกล่าว พบว่ามีความต้องการใช้พื้นที่ประมาณ 40-50 ไร่ เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตและรองรับการขยายธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างครบวงจร ผลิตอาหารฮาลาล เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา สถานีบริการปั๊มน้ำมัน ผลิตเมทัลชีท ขายปลีก-ส่ง โลจิสติกส์ และธุรกิจห้องเย็น เป็นต้น  


ขณะเดียวกันพื้นที่การลงทุนที่นิคมฯ สงขลา ยังถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่างที่มีศักยภาพ มีความพร้อมในเรื่องของวัตถุดิบ แรงงาน และระบบขนส่ง สามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ตลอดจนยังสามารถรองรับการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายนำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจไปยังจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งจะเป็นหน่วยสนับสนุนระบบคลัสเตอร์ในการเชื่อมโยงทางวัตถุดิบและแรงงานได้เป็นอย่างดี   

“นิคมฯ สงขลาเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 2 ของ กนอ.ที่ดำเนินการพัฒนาจัดตั้งขึ้นภายใต้นโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) ที่รัฐบาลต้องการเตรียมพร้อมรองรับการขยายตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมยางพารา อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและเครื่องหนัง อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ หากมีการใช้พื้นที่เต็มจำนวนแล้วจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกประมาณ  3,400 อัตรา และก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนในจังหวัดสงขลาประมาณ 13,800 ล้านบาทในอนาคต” นางสาวสมจิณณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย  

  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

ค่าฝุ่นกทม.

กทม. เช้านี้ ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน 54 พื้นที่

กรุงเทพฯ เช้านี้ พบว่าค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 54 พื้นที่ แนะสวมกากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร

ซุ้มไฟเฉลิมพระเกียรติฯ สุดตระการตา รับประเพณียี่เป็ง

ยามค่ำคืนในตัวเมืองเชียงใหม่ ประดับประดาด้วยแสงไฟรับประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทงเชียงใหม่ โดยเฉพาะบนถนนท่าแพ มีการสร้างซุ้มประดับไฟเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 14 ซุ้ม ยาวกว่า 200 เมตร.