รร.แกรนไฮแอทเอราวัณ 5 ก.ย.- ครม.เศรษฐกิจ เตรียมพิจารณา ข้อเสนอ บีโอไอ พัฒนาบุคคลากร แรงจูงใจส่งเสริมการลงทุน รองรับความต้องการของนักลงทุนต่างชาติ ยอมรับเศรษฐกิจไตรมาส 4 ยังฟื้นตัวได้ รองนายกฯสมคิด ย้ำเศรษฐกิจยุคดิจิตอล ทุกฝ่ายต้องปรับตัวรองรับระบบ AI ระบบ 5G พร้อมจับมือกับ ธ.โลกพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจไทย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนา “อนาคตเศรษฐกิจไทย เรากำหนดได้” จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์” ว่า ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ พรุ่งนี้ บีโอไอเตรียมเสนอแนวทางพัฒนาบุคลากร และการสร้างแรงจูงใจลงทุน รองรับความต้องการของนักลงทุนต่างชาติ ในการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนในเขตอีอีซี ที่ผ่านมาต่างชาติทยอยเข้ามาหารือ เพื่อขยายการลงทุนในประเทศ เพราะต่างชาติมองว่าไทยเป็นศูนย์การลงทุนในอาเซียน อาทิ โตโยต้า หัวเหว่ย Google เกาหลี ตุรกี และอีกหลายประเทศ ไทยจึงต้องเร่งพัฒนาบุคคลากรรองรับและการจัดแผนพัฒนาเศรษฐกิจสมัยใหม่ จึงมอบหมายให้บีโอไอ สศช. กระทรวงดีอี ร่วมกับผลักดัน ในการส่งเสริมการลงทุน
ทั้งนี้ยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยมีข้อจำกัด หากเศรษฐกิจไทยเปราะบาง ขาดความมั่นใจ ไม่ยอมใช้จ่าย ไม่ลงทุน ย่อมส่งผลกระทบอย่างแน่นอน หากไม่ปฏิรูปจะนำเงินจากไหน ยอมรับว่าคนไทยเสียภาษีบุคคลธรรมดาเพียง 4 ล้านคน จึงควรขยายฐานให้เหมาะสม และการเมืองไทยต้องเข้มแข็ง แม้ว่าเป็นรัฐบาลผสมและเสียงปริ่มน้ำ แต่ยังมั่นใจเพราะ ผู้นำพรรคต่างรู้จักกันร่วมขับเคลื่อนนโยบาย แต่หากคิดห่วงเพียงว่า จะเลือกตั้งในเร็วๆนี้ เพื่อหวังแต่การหาเสียง เศรษฐกิจมีปัญหาแน่นอน จึงขอให้พรรคร่วมได้ร่วมกันผลักดันนโยบายให้เกิดผลเป็นรูปธรรม อีกทั้งมองว่า แนวโน้มข้างหน้าเป็นยุคของคนรุ่นใหม่ ต้องการให้รู้จักหน้าที่การเข้ามาทำการเมือง เพื่อพัฒนาการเมืองแบบใหม่ๆ คนรุ่นเก่าต้องกลับบ้าน เพื่อให้ประเทศพัฒนาต่อไปได้
นอกจากนี้ เศรษฐกิจยุคดิจิตอลเปลี่ยนแปลงอย่างมาก สังคมหันมาพึ่งพาการค้าขายผ่านออนไลน์มากขึ้น รัฐบาลจึงต้องการผลักดันอินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน รองรับชุมชนสื่อสารทางออนไลน์ในทุกด้าน รวมทั้งการเชื่อมระบบรับ จ่ายเงิน เพื่อดึงทุกด้านเข้าสู่ระบบ นอกจากนี้ยังต้องการสร้างแรงจูงใจดึงดูดนักลงทุน มาร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ ภายใน 5 ปี ระบบ AI ระบบ 5G เกิดขึ้นอย่างแน่นอน พร้อมเตรียมรับมือ เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ก้าวล้ำหน้ามากควรดึงมาใช้ในการปรับแผนธุรกิจ จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ท่ามกลางความท้ายทายสิ่งใหม่ๆ จากปัจจัยภายนอกประเทศ จึงต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศให้มากขึ้น ผ่านการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เพราะมีความสำคัญ เนื่องจากไทยพึ่งพาการส่งออกสูงร้อยละ 70 ไทยมุ่งลงทุนเพื่อการส่งออก หากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจึงมีความเสี่ยง เพราะสัดส่วนที่เหลือร้อยละ 30 เป็นภาคเกษตรที่มีอำนาจซื้อน้อย โดยมองว่าจีดีพีไตรมาส 4 จะฟื้นตัวขึ้นมาได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รัฐบาลจึงต้องการส่งเสริมสมาร์ทฟาร์มเมอร์ สร้างคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ จึงต้องการใช้ ธ.ก.ส. เป็นหัวขบวนในการพัฒนาชุมชน เพื่อให้ฐานรากเข้มแข็ง
สำหรับการหารือกับนางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออก และแปซิฟิก นับว่าองค์กรต่างประเทศมีความเชื่อมั่นต่อฐานเศรษฐกิจไทย แม้ในช่วงสั้นจะมีปัญหาชะลอตัว จึงต้องการเข้ามาร่วมกับไทย ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจหลายด้าน รองรับไทยแลนด์ 4.0 และการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาความยากจน มอบหมายให้ นายกอบศักดิ์ ประสานกระทรวงคลัง สศช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมผลักดันโครงการร่วมกับธนาคารโลกเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม . – สำนักข่าวไทย