กรุงเทพฯ 3 ก.ย. – กระทรวงอุตสาหกรรมเผยพายุโพดุล ทำน้ำท่วมโรงงาน 36 แห่ง กลุ่มหัตถกรรมจักรสาน 387 ราย รวม 423 ราย เตรียม 7 มาตรการ ช่วยผู้ประกอบการประสบอุทกภัย ประเมินเสียหาย 133 ล้านบาท
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากเหตุอุทกภัยจากอิทธิพลพายุโพดุลส่งผลกระทบ 10 จังหวัด เบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากอุทกภัยรวม 423 ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มหัตถกรรมจักรสานต่าง ๆ ที่อยู่ในเขตอุทกภัย มีผู้ประสบภัยประมาณ 387 ราย ขณะที่โรงงานกระทบเพียง 36 แห่ง ประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 133 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือทุกหน่วยงานกระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกกลุ่มทันทีหลังน้ำลดผ่าน 7 มาตรการ ครอบคลุมตั้งแต่การช่วยเหลือซ่อมแซม ปรับปรุง เครื่องจักร อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงส่งผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ เพื่อให้ผู้ประกอบการดำเนินการอย่างถูกวิธี และมาตรการด้านแหล่งเงินทุนการช่วยเหลือ เพื่อให้ครบทุกมิติ ประกอบด้วย มาตรการที่ 1 ช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) พักชำระหนี้ และเติมเงินทุนฟื้นฟูธุรกิจ เตรียมสินเชื่อไว้ 2 ประเภท คือ สินเชื่อฉุกเฉินเพื่อฟื้นฟูกิจการ ดอกเบี้ยพิเศษ 0.415% และสินเชื่อ Smart SME ดอกเบี้ยพิเศษ 0.55% ผู้ประสบภัยสามารถติดต่อได้ที่ ธพว.
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ยังมีสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน เพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรม เพื่อให้ผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ โดยคณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนฯ ได้อนุมัติวงเงินเบื้องต้นประมาณ 20 ล้านบาท ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจาก 4% เหลือ 1 % ต่อปี เป็นเวลา 1 ปี โดยลูกค้าใหม่ที่อยู่ในพื้นที่อุทกภัย สามารถขอสินเชื่อได้รายละไม่เกิน 500,000 บาท ตามความจำเป็นของกิจการ ขณะที่ลูกหนี้รายเดิมสามารถขอสินเชื่อได้ไม่เกินวงเงินที่ได้รับอนุมัติตามสัญญาเดิม แต่ไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย ระยะเวลาพักชำระหนี้หรือปลอดหนี้เป็นเวลา 4 เดือน
“ล่าสุดมีผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ประมาณ 387 ราย ขอสินเชื่อแล้ว 19.4 ล้านบาท จึงให้แต่ละพื้นที่เร่งรวบรวมคำขอสินเชื่อเข้ามา เพื่อให้คณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนฯ ซึ่งมีอธิบดี กสอ.เป็นประธานพิจารณาอนุมัติเพิ่มวงเงินช่วยเหลือ จากกรอบวงเงินสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนฯ ที่เหลือประมาณ 216 ล้านบาท” นายสุริยะ กล่าว
มาตรการที่ 2 Big Cleaning เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ และผู้ประกอบการรายใหญ่ (Big Brother) รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย เพื่อทำความสะอาดสถานประกอบการ โรงงาน อาคาร บ้านเรือน ทางสาธารณะ และพื้นที่ชุมชน ให้พื้นที่กลับมาอยู่ในสภาพปกติ และสามารถกลับมาประกอบการได้โดยเร็ว มาตรการที่ 3 ซ่อมแซม ปรับปรุง เร่งด่วน เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ และผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมทั้งสถาบันการศึกษาในพื้นที่ช่วยเหลือซ่อมแซมอุปกรณ์ และเครื่องจักรเบื้องต้น เช่น การตรวจสอบระบบไฟฟ้า ระบบหล่อลื่น เพื่อให้อุปกรณ์และเครื่องจักรสามารถกลับมาใช้งานได้อย่างเร็วที่สุด รวมทั้งเตรียมความพร้อมเครื่องจักร อุปกรณ์ เช่น รถแบ็คโฮ รถแทรกเตอร์ รถบรรทุก ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
มาตรการที่ 4 เป็นการฟื้นฟูวิสาหกิจแบบบูรณาการโดยจัดทีมนักวินิจฉัย และที่ปรึกษา เพื่อเข้าไปวางแผนการฟื้นฟูในสถานประกอบการ รวมทั้งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานเครือข่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือเอสเอ็มอี หรือศูนย์ SME Support & Rescue Center เพื่อให้ความช่วยเหลือในด้านที่ผู้ประกอบการต้องการฟื้นฟูต่อไป มาตรการที่ 5 กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนเครื่องจักร ให้กับสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมยกเว้นค่าธรรมเนียมฯ ดังกล่าวต่อไป
มาตรการที่ 6 กรอ.และอุตสาหกรรมจังหวัด จะประสานร่วมกับบริษัทรถยนต์ชั้นนำ และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ พร้อมเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้กับผู้ประกอบการ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และมาตรการที่ 7 เป็นมาตรการอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยจะเข้าสำรวจ เยี่ยมเยือน ช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงงานเอสเอ็มอี ,วิสาหกิจชุมชน (โอทอป) เหมืองแร่ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
“มาตรการทั้งหมดนี้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว เมื่อสถานการณ์น้ำลดทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกกลุ่ม และประชาชนในพื้นที่ ทุกอย่างจะต้องทำทันที เพื่อเร่งเยียวยาผู้ประกอบการที่ประสบภัยให้กลับมาดำเนินกิจการให้เร็วที่สุด และระหว่างนี้หากผู้ประกอบการร้องขอความช่วยเหลือก็ต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือด้วยเช่นกัน โดยผู้ประกอบการรายใดที่ได้รับผลกระทบสามารถแจ้งไปได้ที่อุตสาหกรรมจังหวัด หรือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงอุตสาหกรรมในพื้นที่” นายสุริยะ กล่าว. – สำนักข่าวไทย