อีสาน-เหนือ 31 ส.ค.- อิทธิพลพายุ “โพดุล” อุบลฯ น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 10 ปี ตายแล้ว 1 ที่บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น น้ำท่วมสูง ชาวบ้านหนีขึ้นหลังคารอความช่วยเหลือ ส่วนอำนาจเจริญระทึกน้ำล้นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ไหลทะลักท่วมบ้านเรือน
พายุโพดุลถล่มร้อยเอ็ดหนักสุด
ร้อยเอ็ดฝนเริ่มเทกระหน่ำตั้งแต่ช่วงตี 3 เมื่อวานนี้และตกต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังสูงครอบคลุมในเขตเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดเกือบทั้งหมด อยู่ในสภาพเป็นอัมพาตทั้งเมือง เช่นเดียวกับอำเภอโพนทอง น้ำได้ทะลักเข้าท่วมโรงเรียนอนุบาลโพนทองที่มีนักเรียนกว่า 1,000 คน ต้องให้ผู้ปกครองทยอยไปรับบุตรหลานกลับบ้านตั้งแต่เที่ยง และสามารถอพยพนักเรียนกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยในช่วงเย็น
นายสมพงษ์ ศิริบาล ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาร้อยเอ็ด กล่าวว่า ฝนตกหนักและลมแรงมาตั้งแต่เย็นวานนี้ วัดปริมาณน้ำฝนได้ 168 มิลลิเมตร โดยคาดว่าจังหวัดร้อยเอ็ดจะมีฝนตกต่อเนื่องไปถึงวันที่ 1 กันยายน 2562 จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังลมกรรโชกแรง ขับรถระวังอุบัติเหตุจากถนนลื่นส่วนประชาชนริมฝั่งแม่น้ำชีและแม่น้ำยังระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก
กั้นกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมเรือนจำร้อยเอ็ด
และฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง และไม่มีทางระบายน้ำ เอ่อท่วมบริเวณเรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด เต็มพื้นที่ เส้นทางเรือนจำ ได้นำผู้ต้องขังออกมาแก้ไขปัญหา ด้วยการนำรถบรรทุกทรายมาจอดอยู่กลางน้ำที่ท่วมอยู่หน้าเรือนจำ แล้วใช้ผู้ต้องขังชาย มาช่วยบรรจุกระสอบทราย นำไปกั้นแนวประตูทางเข้าเรือนจำ พร้อมกับ เร่งใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ สูบน้ำออกจากเรือนจำ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ต้องขังภายในเรือนจำกว่า 300 คน และมีการแก้ไขปัญหาภายในเรือนจำ ด้วยการย้ายผู้ต้องขังชายขึ้นไปบนเรือนนอนชั้น 2 เพื่อหนีน้ำเป็นการชั่วคราว โดยแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่เรือนจำ กล่าวว่า นอกเหนือจากการย้ายผู้ต้องขังชายขึ้นไปบนเรือนนอนทั้งหมดเพื่อหนีน้ำ ซึ่งพื้นที่อาจจะไม่เพียงพอก็จะมีการลำเลียงย้ายผู้ต้องขังหญิงออกไปในจุดอื่นที่ปลอดภัย
อุบลฯ โดนพายุถูกน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 10 ปี ตายแล้ว 1
นายชอบ กาญจนสาร อายุ 66 ปี เกษตรกรบ้านกุดข้าวปุ้น อำเภอกุดข้าวปุ้น จังหวัดอุบลราชธานี ขนย้ายแม่พันธุ์หมูพร้อมลูกเล็กกว่า 10 ตัวมาไว้หน้าบ้านเพื่อหนีน้ำท่วมจากห้วยตาเทียว อย่างเร่งด่วนหลังจากน้ำในลำห้วยทะลักท่วมเล้าหมูด้านหลังบ้านอย่างรวดเร็ว
นายชอบ เล่าว่าน้ำปีนี้มาเร็ว และแรงกว่าทุกปีขนย้ายหมูเกือบไม่ทัน มีลูกหมูบางตัวโดนน้ำพัดออกไป แต่โชคดีที่ตนว่ายน้ำออกไปเอากลับเข้ามาได้ทัน ส่วนที่เหลือต้องใช้วิธีการอุ้มลูกมาล่อแม่ให้เดินตามขึ้นมายังที่สูงและหน้าบ้านบางตัวต้องเลี้ยงบนรถไปก่อน เพราะไม่มีพื้นที่ ส่วนความเสียหายตอนนี้จะอยู่ที่เครื่องสูบน้ำ อุปกรณ์การเลี้ยงหมูบางส่วนที่ลอยไปกับน้ำ
ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมในอำเภอกุดข้าวปุ้นแล้ว 1 ราย ตรวจสอบทราบชื่อ นายสมร สู่ขวัญ อายุ 67 ปี ราษฎร บ.โนนหอม ตำบลข้าวปุ้น เหตุเกิดขณะออกไปหาแมลง ขณะฝนตกทำให้ถูกน้ำพัดสูญหายหลังจากการค้นหาพบร่างนายสมรติดอยู่ก่อไผ่ใกล้จุดเกิดเหตุ
บ้านไผ่น้ำท่วมสูง ชาวบ้านหนีขึ้นหลังคารอความช่วยเหลือ
ที่ขอนแก่น น้ำจากลำห้วยจิกได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเมื่อเวลา 04.00น.ที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนกว่า 100 หลังคาเรือน ถูกน้ำท่วมสูง รวมทั้งบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้ลำห้วยจิก น้ำได้ล้นท่วมถนนสูงกว่า 1.5 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนน เนื่องจากน้ำที่ท่วมสูง และน้ำพัดแรง นอกจากนี้ ยังพบว่ายังมีประชาชนอยู่หลายคนยังคงหนีออกมาไม่ได้ต้องขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน รอความช่วยเหลือ ซึ่งการช่วยเหลือทำได้ด้วยความลำบาก เพราะเรือที่ใช้เป็นเรือท้องแบนของเทศบาลเมืองบ้านไผ่ แต่ไม่มีเครื่องยนต์ ไม่สามารถต้านกระแสน้ำเข้าไปช่วยเหลือได้ ขณะนี้ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดขอนแก่น ได้ส่งเรือท้องแบนจำนวน 5 ลำ เพื่อมาช่วยเหลือแล้ว
นายรุจน์ รังษี นายอำเภอบ้านไผ่ กล่าวว่า หลังจากที่เกิดน้ำท่วมเมื่อเช้าตรู่ที่ผ่านมา ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเข้าให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนทันที แต่เนื่องจากน้ำที่มีปริมาณมาก เพราะก่อนหน้านี้อำเภอบ้านไผ่ ได้มีฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุโพดุล ทำให้น้ำจากอำเภอโนนศิลา อำเภอหนองสองห้อง ซึ่งเป็นต้นน้ำของลำห้วยจิก ได้ไหลมาปริมาณมากจนทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในครั้งนี้ เบื้องต้นได้ประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อเข้าช่วยเหลือแล้ว พร้อมให้กิ่งกาชาดและจิติอาสาอำเภอบ้านไผ่ ได้ทำข้าวกล่องจำนวน 1 พันกล่อง มาแจกให้กับประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน
น้ำล้นอ่างเก็บน้ำทะลักท่วมบ้านเรือนกลางดึกกว่า 100 หลัง
จากอิทธิพลของพายุโพดุล ทำให้เกิดฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาจนถึงเย็นวันนี้ ทำให้อ่างเก็บพุทธอุทยาน ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำหลักขนาดใหญ่ มีปริมาณน้ำเกินกว่าความจุของอ่างเก็บน้ำ ทำให้น้ำไหลล้นสปิลเวย์ ทำให้น้ำที่ไหลล้นอ่างเก็บน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ชุมชุนศรีสำราญเขตเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ กว่า 100 หลังคา ที่อยู่ใต้อ่างเก็บน้ำดังกล่าว ประชาชนต้องอพยพและขนทรัพย์สินออกจากบ้านเรือนมาอยู่ในพื้นที่สูง
ขณะที่นางสุจริต มีทองแสน ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตรทั้งหลัง เผยว่า ตนไม่คิดว่าน้ำที่ไหลล้นอ่างเก็บมากขนาดนี้ ทุกครั้งน้ำระบายออกมาจะล้นอ่างเก็บน้ำไม่มากเหมือนครั้งนี้ เพราะคิดว่าฝนหยุดตกแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าอ่างเก็บน้ำระบายน้ำไม่ทัน จึงทำให้น้ำไหลมารวมกันอย่างรวดเร็วและไหลเข้าท่วมบ้านเพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ชาวบ้านต้องพากันหากระสอบทรายมากั้นน้ำกันเอาเอง บ้านเรือนบางหลังที่ขนข้าวของหนีทันก็โชคดีไป แต่บ้านของตนอยู่ใกล้กับอ่างเก็บน้ำมาก ทำให้ไม่สามารถเก็บข้าวของได้ทัน ทำได้แค่เพียงขนข้าวของบางส่วนขึ้นไปบนบ้านชั้น 2 เท่านั้น
ส่วนบ้านหนองสามสี บ้านไร่สีสุก บ้านนาไร่ใหญ่ อ.เสนางคนิคม บ้านกุดน้ำกิน,บ้านนาวัง, บ้านโคกสูง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ บ้านห้วยทม อ.ชานุมาน บ้านดอนหว่าน อ.หัวตะพาน ซึ่งขณะนี้ยังคงจมอยู่ใต้บาดาล ชาวบ้านได้พากันอพยพไปอยู่ที่สูงแล้วในขณะนี้
ฤทธิ์โพดุลทำน้ำทะลักท่วมหลายชุมชนกาฬิสนธุ์
สถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ยังไม่คลี่คลายผลพวงจากพายโพดุล ระดับน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปริมาณน้ำที่เกินการกักเก็บของอ่างเก็บน้ำห้วยสีทนที่ยังเพิ่มระดับสูงขึ้นตลอดทั้งคืน ทั้งนี้ มวลน้ำก้อนแรก 2 ล้าน ลบ.ม. เอ่อล้นเข้าท่วมชุมชนติดกับสวนสาธารณะแก่งดอนกลางมีผู้ได้รับผลกระทบไม่น้อยกว่า 300 ครัวเรือน โดยชาวบ้านได้เร่งอพยพสิ่งของมีค่าออกจากบ้านไปไว้ที่วัดหอไตร ซึ่งเป็นจุดอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์
ทั้งนี้ มวลน้ำได้เอ่อล้นแผ่ขยายวงกว้างจากเดิมที่ส่งผลให้ 4 ชุมชนมีท่วมบ้านเรือน เช้านี้ขายวงกว้างเป็น 10 ชุมชน ที่ประกอบด้วย ชุมชนริมแก่งดอนกลาง ชุมชนดอนกลอย ชุมชนหัวโนนโก ชุมชนคุ้มห้วย ชุมชนทุ่งสระ หมู่บ้านมั่นคง บ้านมั่นคงเมืองใหม่ ชุมชนวัดสว่างคงคา ชุมชนดอนสวรรค์ ชุมชนซอยน้ำทิพย์และชุมชนท่าสินค้า โดยได้ระดมเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ออกบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนอย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม ทางเทศบาลได้ทำการปิดถนนอนรรฆนาคแล้ว เนื่องจากมีน้ำไหลล้นเอ่อเข้าท่วมถนน พร้อมตั้งศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่วัดหอไตรปฏิการาม
วังโป่ง เพชรบูรณ์น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 30 ปี
จังหวัดเพชรบูรณ์ได้รับอิทธิพลจากพายุโพดุล ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักสะสม ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงเย็น ล่าสุดพบว่าได้เกิดน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ไหลหลากลงมาสมทบกับมวลน้ำในคลองซับเปิบ จนเอ่อล้นไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ 3 ตำบล ของอำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วย ตำบลวังหิน ตำบลซับเปิบ และตำบลท้ายดง โดยเฉพาะตำบลวังหิน พบว่าหนักที่สุด ถูกมวลน้ำสีแดงขุ่นไหลเชี่ยวกรากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรเป็นบริเวณกว้าง รวมทั้งถนนสายหลัก ถนนภายในหมู่บ้าน ถูกน้ำท่วมสูง ราว 30-40 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปมาได้ รถใหญ่ต้องใช้ความระมัดระวัง บางจุดภายในซอยที่ลุ่มต่ำ ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1.20 เมตร ข้าวของเครื่องใช้บางส่วนถูกน้ำท่วมเสียหาย เนื่องจากชาวบ้านไม่สามารถขนย้ายได้ทัน เพราะน้ำป่ามาเร็ว และไหลเชี่ยวกรากมาก
ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กู้ภัยวังโป่งรวมใจ ได้เร่งออกสำรวจ พร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบเบื้องต้น อีกทั้งได้นำอุปกรณ์ส่องสว่าง ออกติดตั้งตามจุดเสี่ยง เพื่ออำนวยความสะดวก พร้อมทั้งแจ้งเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์น้ำป่าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในพื้นที่ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
น้ำท่วมสูงเร่งอพยพชาวเนินมะปรางออกจากพื้นที่เสี่ยง
อิทธิพลพายุ “โพดุล” ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง หลากลงสู่ลุ่มน้ำชมพูท่วมในพื้นที่ ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก และตลอดทั้งวันได้เกิดฝนตกหนัก ทำให้คลองชมพูปริมาณน้ำสูงกว่า 7 เมตร ทำให้กว่า 4 ตำบล ใน อ.เนินมะปราง ถูกน้ำท่วมขังและน้ำป่าไหลหลากเฉียบพลัน ทำให้บ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก
นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำเรือและอุปกรณ์ในการช่วยเหลือและเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงที่ถูกน้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะในหมู่ที่ 1 บ้านมุงเหนือ หมู่ที่ 4 บ้านลำภาศ หมู่ที่ 7 บ้านเนินสว่าง น้ำท่วมถนนสายลำภาศ-วังยาง ระดับน้ำสูง 50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ และในตำบลวังยาง มีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำป่าหลากท่วม ได้แก่ หมู่ที่ 1 บ้านคลองตะเคียน หมู่ที่ 2 บ้านไทรดงยั้ง หมู่ที่ 3 บ้านวังดินเหนียว หมู่ที่ 6 บ้านวังยางเหนือ หมู่ที่ 7 บ้านวังยางใต้ ขณะที่ถนนสายไทรดงยั้ง-วังโป่ง ระดับน้ำสูง 50 เซนติเมตร รถเล็กสัญจรผ่านไม่ได้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ต้องลุยน้ำนำสิ่งของไปช่วยเหลือชาวบ้านเป็นการเบื้องต้น
นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานว่ามีประชาชนที่ขับรถอยู่ก็ถูกน้ำป่าไหลหลากจนรถตกคูน้ำจนได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบน้ำส่งโรงพยาบาลอีก 4 ราย อีกทั้งในพื้นที่ลุ่มต่ำมีประชาชนที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง เจ้าหน้าที่ลำเลียงมาอยู่บนพื้นที่สูง เพื่อความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย