กรุงเทพฯ 20 ส.ค. – ศาลยกฟ้อง “ถวิล พึ่งมา” อดีตอธิการบดี สจล. สำนวน 2 คดีทุจริตเงินสถาบันกว่า 700 ล้านบาท สั่งจำคุกอดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ 95 ปี เเละคนรับโอน 55 ปี สั่งชดใช้ค่าเสียหายร่วมกัน 700 ล้านบาท
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาคดีทุจริตเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) 700 ล้านบาท กรณีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. จำเลยที่ 1, น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ จำเลยที่ 2, นายสรรพสิทธิ์ ลิ่มนรรัตน์ จำเลยที่ 3, นายทรงกลด ศรีประสงค์ จำเลยที่ 4, นายคงฤทธิ์ สิงห์นุโคตร จำเลยที่ 5, นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด จำเลยที่ 6, นายพูนศักดิ์ บุญสวัสดิ์ จำเลยที่ 7 และนายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ จำเลยที่ 8 รวม 8 คน ในความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม, เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และข้อหาอื่น กรณีปี 2552-2557 ร่วมกันปลอมเอกสารถอนเงินจากบัญชี สจล. และเบิกเงินจากบัญชีโดยไม่ได้รับอนุมัติจาก สจล. กว่า 700 ล้านบาท
หลังจากศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษานานกว่า 6 ชั่วโมง พิพากษายกฟ้อง นายถวิล พึ่งมา จำเลยที่ 1 รวมถึงจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 5 จำเลยที่ 7 และจำเลยที่ 8 และพิพากษาจำคุก “นายทรงกลด” อดีตผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีสุวินทวงศ์ จำเลยที่ 4 ทั้งสิ้น 19 กระทง มีกำหนด 95 ปี และให้จำคุก “นายกิตติศักดิ์” จำเลยที่ 6 รวม 11 กระทง มีกำหนด 55 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ทั้งจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6 ให้จำคุกสูงสุดตามกฎหมาย คนละ 20 ปี และให้จำเลยที่ 4 ชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายที่ 2 คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 688,578,411.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินที่กระทำผิดแต่ละครั้ง โดยให้จำเลยที่ 6 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 4 จำนวน 563,386,411.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินที่กระทำผิดแต่ละครั้ง และให้ร่วมกันชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายที่ 3 คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จำนวน 20,000,000 บาท
หลังฟังคำพิพากษา นายถวิล กล่าวขอบคุณศาล และขอบคุณทนายความของตนเอง ยืนยันว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด และมองว่าถูกกลั่นแกล้ง เนื่องจากเงินหายตั้งแต่สมัยอธิการบดีชุดก่อน และชุดหลังจากตนเอง แต่ฟ้องร้องแค่เพียงตนเองเท่านั้น ทั้งนี้ เชื่อว่าหลังจากนี้อัยการคงจะยื่นอุทธรณ์ในคดีต่อไป ซึ่งได้ให้ทนายเตรียมเอกสารและคัดคำพิพากษาศาลชั้นต้น เพื่อใช้ในการต่อสู้คดีต่อไป เนื่องจากศาลระบุชัดว่า ตนเองไม่มีส่วนได้ผลประโยชน์ในเรื่องนี้. – สำนักข่าวไทย