กระทรวงการคลัง 15 ส.ค. – ผู้บริหาร บลจ.มองดัชนีหุ้นไทยยังผันผวนต่อเนื่อง หลังตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงหนัก แนะนักลงทุนพิจารณาข้อมูลก่อนลงทุน
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด เปิดเผยถึงกรณีที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ ทำให้นักลงทุนถอนการลงทุนจากตลาดทุนรวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย
“นักลงทุนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐไม่ใช่แค่หดตัวเท่านั้น แต่มีโอกาสติดลบและเศรษฐกิจจะไม่ได้ดีขึ้นในอีก 10 เดือนข้างหน้า จึงทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจและถอนการลงทุนจากตลาดทุน รวมถึงตลาดหุ้นไทย โดยนักลงทุนคาดว่าสหรัฐอาจใช้เครื่องมือที่มีอยู่อย่าง QE ออกมาอีกรอบ แต่จะไม่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้นมาก เพราะเป็นสิ่งที่นักลงทุนคาดการณ์ได้” นางวรวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดหุ้นจะต้องระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะยาว 5 ปีขึ้นไปสามารถใช้จังหวะที่หุ้นลงนั้นเข้าไปลงทุนหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่หากเป็นนักลงทุนประเภทระยะสั้นเก็งกำไร แนะนำนักลงทุนระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น
นางวรวรรณ กล่าวว่า ในระยะต่อไปมองว่าดัชนีหุ้นไทยยังคงผันผวนต่อเนื่องตามตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากปัจจัยบวกในประเทศยังไม่มีความชัดเจนที่จะทำให้ตลาดปรับตัวดีขึ้นจากปัจจุบัน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะออกมานั้น มองว่าจะเป็นมาตรการดูแลเศรษฐกิจชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่น โดยเฉพาะการสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเร่งลงทุน เพื่อเศรษฐกิจในประเทศและแข็งแกร่งเพียงพอ เพื่อรองรับกับปัจจัยภายนอกมากระทบ
นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ภัทร กล่าวถึงกรณีตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงหนักว่า เกิดจากปัจจัยทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจโลก โดยรวมการประเมินระยะสั้นจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก ที่จะสามารถชี้ลงไปได้ว่า ตลาดจะผันผวนหรือปรับตัวลงไปขนาดไหน ขณะที่ไทยเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กและมีการพึ่งพิงต่างประเทศค่อนข้างสูงและคงจะต้องระมัดระวังปัจจัยภายในประเทศที่ยังคงเปราะบาง
พร้อมแนะนักลงทุน บริหารจัดการความผันผวนของตลาดในช่วงนี้ ด้วยการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์หลาย ๆ ประเภท เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งกระจายเวลาการลงทุนและใช้ความระมัดระวังในการลงทุน โดยถ้าเห็นตลาดมีการปรับตัวลงค่อนข้างรุนแรงก็ไม่อยากให้นักลงทุนรีบผลีผลาม
ทั้งนี้ ส่วนตัวยังไม่กล้าประเมินกรอบตลาดหุ้นสัปดาห์หน้า เนื่องจากยังมีความผันผวนสูงและปัจจัยกดดันค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันเชื่อว่านักลงทุนยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่จะออกมาในช่วงนี้ เชื่อว่ารัฐบาลพยายามที่จะออกมาตรการระยะกลางและระยะยาวออกมาอยู่แล้ว ส่วนรูปแบบของมาตรการคาดจะออกมาเป็นการลดภาระหรือเพิ่มอำนาจซื้อของประชาชน ส่วนผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจระยะยาวจะต้องรอดูมาตรการที่ออกมาอย่างชัดเจนก่อน . – สำนักข่าวไทย