ชุมพร 14 ส.ค. – ตำรวจขอเวลา 7 วัน ออกหมายเรียก “ดีเจภูมิ” พร้อมพวก โดน 5 ข้อหาหนัก กรณีล่าสัตว์น้ำในเขตหวงห้าม ขณะที่ หน.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เตือนการถ่ายทำรายการต่างๆ ต้องศึกษาข้อมูลพื้นที่ให้ดีก่อน
กรณีนายภูมิใจ ตั้งสง่า อายุ 40 ปี หรือ “ดีเจภูมิ” พร้อมพวก 7 คน นำเรือสปีดโบ๊ทไปตกปลาทำรายการออกทางช่องยูทูบ ในพื้นที่อนุรักษ์สัตว์น้ำเขตหวงห้าม บริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า หรือ “ชุดพญาเสือ” ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียน พบมีความผิดชัดเจน จึงไปแจ้งความที่ สภ.ปากน้ำชุมพร ดำเนินคดี 5 ข้อหา ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ฐานความผิด 1. ฐานเก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายซึ่งทรัพยากรธรรมชาติอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 2. นำสัตว์ออกไป หรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 3. ฐานนำยานพาหนะเข้าออก หรือขับขี่ยานพาหนะในทางที่มิได้จัดไว้เพื่อการนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 4. นำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรืออาวุธใดๆ เข้าไป เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ 5. ฐานบุคคลซึ่งเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่
ล่าสุด พ.ต.ท.วรวิทย์ เจริญศุภผล รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สภ.ปากน้ำชุมพร เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ตั้งแต่การเข้าไปในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต การนำอุปกรณ์เครื่องมือล่าสัตว์เข้าไป กระทั่งการนำสัตว์ออกจากพื้นที่ ซึ่งมีโทษทั้งจำทั้งปรับ โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ส่วนโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี คาดไม่เกิน 7 วัน จะออกหมายเรียกให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหาได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีใครมาแสดงตัว หรือติดต่อมาที่พนักงานสอบสวน
ขณะที่นายรักพงษ์ บุญย่อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร บอกว่า หลังทราบเรื่องได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกสืบข่าว จนทราบว่าเป็นเรือสปีดโบ๊ทของใคร จากนั้นได้นำภาพไปเปรียบเทียบตามจุดต่างๆ ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร พบว่า “ดีเจภูมิ” กับพวกได้บุกรุกเข้าไปลักลอบล่าสัตว์น้ำในเขตอนุรักษ์อย่างชัดเจน ในบริเวณเกาะละวะ เกาะแรด เกาะหลักง่าม เกาะกะโหลก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้วางทุ่นแสดงอาณาเขตไว้ชัดเจน พร้อมฝากเตือนไปยังนักทำรายการทั้งหลาย หากจะไปถ่ายทำในพื้นที่ใด ควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะตามเกาะต่างๆ ในท้องทะเล แม้จะอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ แต่ก็ยังมีกฎหมายอื่นบังคับใช้อยู่ มิเช่นนั้นอาจทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว. – สำนักข่าวไทย