ซิดนีย์ 5 ส.ค.- นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียเผยว่า จะไม่ให้สหรัฐประจำการขีปนาวุธพิสัยกลาง หลังจากสหรัฐเปิดเผยแผนการจะประจำการขีปนาวุธในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
นายกรัฐมนตรีมอร์ริสันตอบผู้สื่อข่าวในวันนี้ว่า สหรัฐไม่ได้ขอประจำการขีปนาวุธในออสเตรเลีย ไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ และหากได้รับการร้องขอในอนาคตก็จะปฏิเสธ ผู้นำออสเตรเลียยืนยันเรื่องนี้เนื่องจากมีข่าวลือว่าสหรัฐได้ขอประจำการขีปนาวุธในออสเตรเลีย หลังจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายแถลงร่วมกันหลังเสร็จสิ้นหารือที่นครซิดนีย์ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ทั้งสองประเทศจะเพิ่มการต้านทานการเคลื่อนไหวของจีนในเอเชียแปซิฟิก โดยในระหว่างการหารือนั้นนายมาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อปลายเดือนก่อนได้หยิบยกเรื่องสหรัฐหวังจะประจำการขีปนาวุธในเอเชียแปซิฟิกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังจากที่ได้ถอนตัวจากสนธิสัญญากำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง หรือไอเอ็นเอฟ (INF) ที่ทำไว้กับรัสเซียในปี 2530 อย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนที่รุนแรงขึ้น ทั้งเรื่องการค้าและเรื่องสิทธิการเดินเรือในทะเลจีนใต้และช่องแคบไต้หวันทำให้ออสเตรเลียตกอยู่ในฐานะลำบากใจ เพราะสหรัฐเป็นพันธมิตรใหญ่ที่สุด ขณะที่จีนเป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุด สัปดาห์ที่แล้วจีนระบุว่า ความพยายามของออสเตรเลียในการปรับปรุงความสัมพันธ์ทวิภาคียังไม่น่าพอใจ ขณะเดียวกันออสเตรเลียก็กังวลว่าจีนกำลังแผ่อิทธิพลเหนือประเทศหมู่เกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและเป็นพื้นที่ที่ออสเตรเลียมีบทบาทสำคัญมาก่อน จึงได้รับปากจัดสรรเงินมากถึง 3,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 62,669 ล้านบาท) ในรูปของเงินให้เปล่าและสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหวังต้านทานสิ่งที่สหรัฐเรียกว่านโยบายการทูตเงินกู้ระยะสั้นของจีน.- สำนักข่าวไทย