กรมศุลฯ จับกุมสินค้าผิดกฎหมายกว่า 514 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 10 ก.ค. – กรมศุลกากรเดินหน้าปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายเดือนมิถุนายนกว่า 514 ล้านบาท พร้อมขยายเวลารับชำระค่าภาษีอากรเพิ่มถึง 30 เม.ย.63


นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยผลการตรวจพบการกระทำความผิดตามกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องของกรมศุลกากรเดือนมิถุนายน 2562  จำนวน 1,798 แฟ้มคดี รวมมูลค่าของกลางประมาณ 514.29 ล้านบาท แยกเป็นคดีลักลอบ 451 คดี มูลค่าของกลางประมาณ 73.45 ล้านบาท คดีหลีกเลี่ยงอากร 1,233 คดี มูลค่าสินค้าประมาณ 200.59 ล้านบาท และคดีสินค้าต้องห้าม 114 คดี มูลค่าของกลางประมาณ 240.25 ล้านบาท

สำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก คาดว่าความต้องการขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกภายในประเทศยังคงมีและอาจมีการลักลอบหรือหลีกเลี่ยงการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ซึ่งปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย และมีแนวโน้มนำเข้าโดยไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ กรมศุลกากรได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์เกี่ยวกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก ดำเนินการติดตาม กำหนดเป้าหมายต้องสงสัยที่จะกระทำความผิดทางศุลกากร และตรวจสอบเพื่อติดตามและขยายผลอย่างต่อเนื่อง พร้อมสั่งการให้กองสำนักงานและด่านศุลกากรทุกแห่งเข้มงวดตรวจสอบของประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก หรือของที่มีการสำแดงพิกัด หรือมีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกเพื่อป้องกันการลักลอบหรือหลีกเลี่ยงทางศุลกากร ส่วนกรณีตรวจพบการกระทำความผิดทางศุลกากรที่เกี่ยวกับของประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติก กรมศุลกากรจะส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป โดยไม่เปรียบเทียบงดการฟ้องร้องในชั้นศุลกากร 


ทั้งนี้ ปีงบประมาณ 2561-2562 กรมศุลกากรสามารถจับกุมคดีลักลอบและหลีกเลี่ยงนำเข้าเศษพลาสติก  103 คดี คิดเป็นมูลค่า 17.5 ล้านบาท (น้ำหนักรวม 4,043 ตัน) โดยปีงบประมาณ 2561 จับกุมได้ถึง 86 คดี คิดเป็นมูลค่า 14.5 ล้านบาท (น้ำหนักรวม 3,664 ตัน) และปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.6161 – พ.ค.62) สามารถจับกุมได้แล้วถึง 17 คดี คิดเป็นมูลค่า 3 ล้านบาท (น้ำหนักรวม 379 ตัน)

ทั้งนี้ กรมศุลกากรแจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ หากมีผู้แอบอ้างชื่อกรมศุลกากร เพื่อธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ โดยที่ผ่านมากลุ่มมิจฉาชีพมีวิธีการแอบอ้างชื่อกรมศุลกากร ทำการหลอกลวงผู้เสียหายไปแล้วหลายกรณี เช่น อ้างว่ามีพัสดุส่งทางไปรษณีย์มาจากต่างประเทศ แต่ติดปัญหาด้านภาษีกับกรมศุลกากรและแจ้งให้จ่ายเงินเพื่อเคลียร์ปัญหา กรมศุลกากรขอชี้แจงว่าการทำธุรกรรมทางการเงินเกี่ยวกับการชำระภาษีจะต้องมีเอกสารยืนยันและต้องไปชำระที่ทำการไปรษณีย์ที่ระบุในใบแจ้งฯ เท่านั้น หรือหลอกให้โอนเงินออนไลน์ ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ใจก่อนการโอนเงิน

นอกจากนี้ กรมศุลกากรขยายระยะเวลาโครงการรับชำระค่าภาษีอากรเพิ่ม ณ จุดเดียว (One Stop Service) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังปีแรกตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2562 มีผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมัครเข้าร่วมโครงการฯ 158 ราย โดยผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการปีนี้สามารถทำหนังสือแสดงความประสงค์ถึงกองตรวจสอบอากร กรมศุลกากร ได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2562 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 ผู้ประกอบการที่ได้รับการพิจารณาเข้าร่วมโครงการฯ สามารถชำระค่าอากรและค่าภาษีอื่น ๆ ให้ครบถ้วนได้ที่กองตรวจสอบอากร กรมศุลกากร โดยไม่ต้องดำเนินพิธีการตามท่าหรือที่ต่าง ๆ และจะได้รับการพิจารณาผ่อนผันการปรับค่าอากร ได้รับการลดเงินเพิ่มอากรที่ต้องเสียหรือเสียเพิ่ม และไม่ต้องเสียเบี้ยปรับค่าอากร แต่ยังคงต้องเสียเงินเพิ่มและเบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย


สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการฯ นี้ ได้แก่ ผู้ประกอบการที่นำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยลักลอบหนีศุลกากร หรือมีเจตนาทุจริตปรากฏพยานหลักฐานชัดเจนในการหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงอากร หรือนำเข้าสินค้าเป็นของต้องห้ามต้องกำกัด หรือสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา หรืออยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบหลังการตรวจปล่อย ตรวจค้น หรือถูกดำเนินคดีในความผิดทางศุลกากรโดยหน่วยงานอื่น เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้  ขอสงวนสิทธิ์พิจารณาไม่ให้เข้าร่วมโครงการฯ ในกรณียื่นเอกสารไม่ครบถ้วน ไม่ให้ความร่วมมือกับพนักงานศุลกากร ไม่มาชำระค่าอากรและค่าภาษีอื่น ๆ ที่ขาดให้ครบถ้วน หรือกรณีอื่นใดที่แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีเจตนาที่ไม่สุจริต. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่

ระเบิดปากีสถาน

ยอดเสียชีวิตจากเหตุระเบิดสถานีรถไฟปากีสถานเพิ่มเป็น 24 รายแล้ว

เหตุระเบิดสถานีรถไฟในเมืองเควตตา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน ตายเพิ่มเป็นอย่างน้อย 24 ราย บาดเจ็ดมากกว่า 40 ราย