กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – ฟิทช์ เรทติ้งส์ คงอันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทยที่ BBB+ แนวโน้มมีเสถียรภาพ พร้อมชี้ประเทศไทยน่าจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของการลงทุนในเอเชีย-แปซิฟิกของจีน
ในงานสัมนาครึ่งปีของบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) เรื่อง “แนวโน้มอันดับเครดิตและการลงทุนในเอเชีย-แปซิฟิกของประเทศจีน” มีการเปิดเผยเกี่ยวกับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งฟิทช์ เรทติ้ง คงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของไทยที่ BBB+ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของไทย ที่ BBB+ ให้แนวโน้มเป็น Stable หรือมีเสถียรภาพเช่นเดิม และจัดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของจีนที่ A+ แนวโน้มเป็น Stable หรือมีเสถียรภาพ
นายสตีเฟ่น ชวาร์ส หัวหน้ากลุ่มจัดอันดับเครดิตประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า เศรษฐกิจของจีนยังคงชะลอตัว เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอตัวและความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ยังคงอ่อนแอจากปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น นโยบายของจีนจึงกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตมากขึ้น แต่การใช้มาตรการดังกล่าวเป็นไปด้วยความระมัดระวัง เพราะหนี้สินของรัฐบาลจีนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะปานกลาง นอกจากนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประมาณการว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของจีน (GDP) จะมีอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 6.2 ในปี 2562 และร้อยละ 6 ในปี 2563 โดยสงครามทางการค้าที่ยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่ออัตราการเติบโต
ด้านนายจื่อกัง หลี่ ประธานกรรมการธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีความสำคัญ เพราะภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรกว่าร้อยละ 60 ของประชากรโลก และมีขนาด GDP คิดเป็นประมาณร้อยละ 40 ของ GDP โลก อัตราการเติบโตของ GDP ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 5.5 ต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่าน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้เศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นจะกลายเป็นเศรษฐกิจที่มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งประเทศจีนได้เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานระหว่างประเทศจีนและประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคผ่านโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เพื่อส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมในโครงการ ซึ่งสุดท้ายแล้วมาตรฐานการครองชีพของประชากรในภูมิภาคนี้จะได้รับการพัฒนาขึ้นด้วย
นายวินเซนต์ มิลตัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันมูลค่าการค้ากับประเทศจีนมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 16 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศรวมของไทย และรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 30 ของรายได้การท่องเที่ยวรวมของไทย แม้ว่าการลงทุนจากประเทศจีนในไทยยังคงอยู่ในระดับที่น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับการลงทุนจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศสหรัฐฯ แต่เม็ดเงินในการทุนจากประเทศจีนคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วง 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการและการเติบโตของการลงทุนจากภาคเอกชนของจีน .- สำนักข่าวไทย