กรุงเทพฯ 27 มิ.ย.- พิษจากสงครามการค้ายังกระทบมาถึงบริษัทจดทะเบียน โดย บมจ.ปตท.เตรียมทบทวนเป้ากำไร หลังเจอพิษสงครามการค้าทำยอดขายและส่วนต่างของกำไรปิโตรเคมีลดลง พร้อมคาดลงนามมาบตาพุดเฟส 3 ก.ค.นี้
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. กล่าวว่า ผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนทำให้ ปตท.ต้องพิจารณาทบทวนการกำหนดเป้าหมายผลประกอบการใหม่โดยเฉพาะกำไร เนื่องจากยอดขายและส่วนต่างของกำไรผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของบริษัทในเครือลดลงเล็กน้อย
ขณะที่สถานการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลก ปตท. คาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากปริมาณการผลิตขณะนี้มากกว่าความต้องการใช้ โดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน น้ำมันเตาลดลง ส่งผลต่อยอดขายของ ปตท. แต่ความต้องการใช้น้ำมันเครื่องบินเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจสายการบินเติบโต โดยเฉพาะในเอเชียที่สายการบินต้นทุนต่ำเติบโตมาก ทำให้ตลาดน้ำมันเครื่องบินเติบโตตามไปด้วย ซึ่งเป็นโอกาสของ ปตท.ที่จะเพิ่มยอดขายน้ำมันเครื่องบินเช่นกัน
นายชาญศิลป์ กล่าวว่า การลงทุนพัฒนาท่าเรือมาบตาพุดระยะ 3 คาดว่าจะลงนามในสัญญาเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งการลงทุนท่าเรือมาบตาพุดนั้น ถือว่า ปตท.เกี่ยวข้องและเชี่ยวชาญ เชื่อว่าจะสามารถบริหารได้ดี
นอกจากนี้ ปตท.ยังปรับโครงสร้างองค์กร รวมบริษัทในเครือกว่า 68 ตำแหน่ง เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปในทิศทางเดียวกัน โดยจะรุกขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ วางกลยุทธ์ให้บริษัทลูกที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญการลงทุนแต่ละประเทศเป็นทัพหน้าให้กลุ่ม ปตท.-สำนักข่าวไทย