กรุงเทพฯ 26 มิ.ย. – สศอ.จัดประชุม ECO Sticker รถจักรยานยนต์ ผู้ประกอบการขานรับ มั่นใจช่วยลด PM.2.5
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เชิญค่ายรถจักรยานยนต์ที่จำหน่ายในประเทศประชุมจัดทำระบบป้ายแสดงข้อมูลรถจักรยานยนต์ตามมาตรฐานสากล (ECO Sticker) นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า สศอ.จะเร่งจัดทำระบบ ECO Sticker รถจักรยานยนต์ตามมติคณะรัฐมนตรี จากการหารือกับผู้ผลิตผู้นำเข้ารถจักรยานยนต์ที่จำหน่ายในประเทศไทยได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า ผู้ประกอบการฯ จะร่วมมือติดป้าย ECO Sticker บนรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่จะนำมาแสดงในงาน Motor Expo ต้นเดือนธันวาคมและจะต้องติดป้าย ECO Sticker บนรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ทุกคันก่อนส่งมอบให้ตัวแทนจำหน่าย เพื่อนำไปจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคและประชาชนให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญของรถจักรยานยนต์ โดยข้อมูลในป้ายจะบ่งบอกคุณลักษณะที่สำคัญ ได้แก่ สมรรถนะของรถจักรยานยนต์ (อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อัตราการใช้น้ำมัน มาตรฐานมลพิษ มาตรฐานความปลอดภัย) ข้อมูลพื้นฐานของรถจักรยานยนต์ ข้อมูลผู้ผลิต/ผู้นำเข้า ราคาขายปลีกแนะนำ และอัตราภาษีสรรพสามิต เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคและประชาชนถูกหลอก ตลอดจนสามารถเปรียบเทียบข้อมูลของรถจักรยานยนต์แต่ละรุ่น โดยพิจารณาจากสมรรถนะในด้าน “สะอาด ประหยัด และปลอดภัย”
สำหรับระบบรองรับจะพร้อมให้บริการผู้ประกอบการและสามารถเริ่มลงทะเบียนออนไลน์ เพื่อจัดทำป้าย ECO Sticker ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2562 จากนั้นจะจัดสัมมนาเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการยื่นขออนุมัติป้าย ECO Sticker วันที่ 1 ตุลาคม 2562 และผู้ประกอบการจะสามารถเริ่มยื่นขออนุมัติป้าย ECO Sticker ผ่านระบบออนไลน์ได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป รถจักรยานยนต์ที่ติด ECO Sticker จะมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อัตราการใช้น้ำมัน และมาตรฐานมลพิษที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานมลพิษของรถจักรยานยนต์ตาม มอก. 2915-2561 เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งต้องใช้ยางล้อรถจักรยานยนต์ที่ผ่าน มอก. 2720-2560 ซึ่งเป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อยกระดับความปลอดภัยของการใช้รถจักรยานยนต์บนท้องถนน
สำหรับ ECO Sticker จัดทำขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่องการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตแบบใหม่ของรถจักรยานยนต์ตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนน และเป็นช่องทางให้ผู้บริโภคและประชาชนเข้าถึงข้อมูลจริงของรถจักรยานยนต์ .-สำนักข่าวไทย