สำนักข่าวไทย 21 มิ.ย.-คณบดีศิริราช ยืนยันฌาปนกิจร่าง ‘ซีอุย’ ไม่ได้ทำเพราะกดดัน แต่ทำเพราะผ่านการทบทวน จากนี้การนำเสนอข้อมูลของ ‘ซีอุย’ ในพิพิธภัณฑ์นิติเวชจะเน้นการให้ข้อมูลและอาจทำหุ่นจำลองในรูปแบบ 3D ส่วนใครจะมองเรื่องคดีอย่างไรเป็นดุลยพินิจของแต่ละบุคคล
นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าว ถึงความคืบหน้าการฌาปนกิจร่างนายซีอุย แซ่อึ้ง ว่าจากการพิจารณาของคณาจารย์แพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้องกับกรณีของนายซีอุย มีความเห็นตรงกันว่าจะมีพิธีฌาปนกิจแต่ยังติดเรื่องของเอกสาร ที่จะต้องแสดงต่อวัด ในการฌาปนกิจทั้ง ใบมรณบัตรและใบส่งมอบร่างจากกรมราชทัณฑ์ อีกทั้งไม่มีญาติ ซึ่งหากได้ครบจะสามารถดำเนินการฌาปนกิจได้ทันที
พร้อมขอเชิญชวนผู้สนใจอยากร่วมการฌาปนกิจ ก็สามารถมาร่วมงานได้ ส่วนพิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน จากนั้นจะเหลือไว้แต่ข้อมูลและอาจจัดแสดงคดีของนายซีอุย ในรูปแบบ 3Dปริ๊นต์เตอร์ เป็นหุ่น จำลองเสมือนจริงและมีเนื้อหาแต่ทั้งนี้ให้ทุกคนที่รับชม ไปตัดสินใจเองแต่ ไม่มีเอ่ยถึงชื่อหรือระบุตัวตนของซีอุย ไม่แน่ในอนาคตอาจไม่มีใครรู้จัก ซีอุยอีก
นพ.ประสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ยังมีร่างอื่นๆอยู่ในพิพิธภัณฑ์ต้องทำความเข้าใจว่า สาเหตุที่คนสนใจเรื่องของซีอุยนั้น มีองค์ประกอบด้วยกัน 3 เรื่อง 1.เป็นร่างของซีอุย 2.มีการระบุชื่อ ซีอุย 3.เป็นผู้ต้องคดี ซึ่งแตกต่างจากร่างอื่นๆ ที่ไม่มีการระบุชื่อหรือข้อมูลลึก แต่หากจะให้นำทุกร่างภายในพิพิธภัณฑ์ฯมาฌาปนกิจหมดก็คงไม่ได้และอาจไม่เกิดการเรียนรู้ เพราะตลอด 60 ปี ร่างของซีอุยเปรียบเสมือนครูมีการศึกษาตั้งแต่สมอง หรือความผิดปกติเพราะในคดีฆาตกรรม บางอย่างเกิดจากความผิดปกติมี เนื้องอกในสมอง ขณะเดียวกันก็เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ ให้เด็กๆไม่ออกไปไหนเวลากลางคืน ส่วนแตกต่างระหว่างการศึกษาผ่านร่างกับหุ่นจำลอง มีความแตกต่างกัน แต่ต้องทำให้เกิดการเรียนรู้มากที่สุด ด้วยเทคโนโลยี
สำหรับการฌาปนกิจครั้งนี้เกิดจากกระแสกดดันหรือไม่นั้น นพ.ประสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ผ่านความคิดเห็นจากคณาจารย์หลายท่าน มีเหตุมีผล มีการทบทวน การหยิบยกเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ดี มีมุมมองหลากหลาย ไม่ได้ทำเพราะถูกกดดดัน หรือทำเพราะถูกกดกัน เนื่องจากพูดตั้งแต่ 4 มิ.ย.ว่า ขอบคุณที่มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาและทบทวนมี 2 แนวทาง ทั้งคงร่างและการฌาปนกิจก็ได้ พร้อมมองว่า ไม่อยากให้การตัดสินของทุกๆความเห็นมาจากกดดัน แต่อยากให้ใช้เหตุผล เรียนรู้ .-สำนักข่าวไทย