ร.ร.เซนต์คาเบรียล 11มิ.ย.- ผอ.โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ย้ำมั่นใจมาตรการดูแลความปลอดภัยนักเรียน ที่มีกล้องวงจรปิด 241 ตัว ครู รปภ.ประจำทุกจุด พร้อมยกระดับคุมเข้มการเข้าออก หลังมิจฉาฃีพแฝงตัวเข้ามาฉกทรัพย์สินนักเรียน
ภราดามณฑล ประทุมราช ผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่คลิปมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาในโรงเรียนหลังเลิกเรียนและขโมยทรัพย์สินมีค่าจากกระเป๋านักเรียนของโรงเรียนเซนต์คาเบรียลซึ่งต่อมาครูและเจ้าหน้าที่สามารถช่วยกันสกัดจับคนร้ายได้สำเร็จ ก่อนจะหนีพ้นประตูโรงเรียนแต่จากภาพที่ปรากฎพบว่ารถจักรยานยนต์ได้ไถลไปโดนนักเรียนที่เดินอยู่ในจุดใกล้เคียงด้วยนั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวทำให้มีความห่วงใยมาตรการและความปลอดภัยของนักเรียน ว่า เหตุการณ์ที่ปรากฏในคลิปที่มีการเผยแพร่ในสื่อโซเชียล เป็นเหตุการณ์ในวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาเป็นการก่อเหตุครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในวันที่ 6 มิ.ย. ผู้ก่อเหตุลักลอบมาขโมยของในกระเป๋านักเรียนที่วางอยู่บริเวณตึกแม่พระรับสานส์ ขโมยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นโทรศัพท์มือถือและเงินสดประมาณ 2,000 บาท โดยเด็กเป็นลูกของครูในโรงเรียนเอง ทันทีที่ทราบเรื่องนักเรียนได้มาแจ้งกับฝ่ายปกครองและผู้ปกครองได้ไปแจ้งความที่ สน.สามเสน จากนั้นได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงเรียนพบว่าผู้ก่อเหตุรายดังกล่าวสวมแจ็คเก๊ตสีชมพูและนำรถจักรยานยนต์มาจอดใกล้บริเวณป้อมยามตรงทางออก จากนั้นได้มาก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ด้วย โรงเรียนจึงได้ส่งภาพผู้ก่อเหตุส่งต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและส่งให้แก่ครูฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยสังเกตการณ์
จนกระทั่งวันที่ 7 มิ.ย.ครูและเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นผู้ก่อเหตุย้อนมาอีกครั้ง โดยแต่งกายแบบเดิมและมาจอดจักรยานยนต์ที่ป้อมยาม ครูฝ่ายปกครอง 2 คนจึงเดินเข้าไปเพื่อจะดึงกุญแจและสอบถาม จังหวะนั้นเองเขาบิดกุญแจและพยายามขับหนี ซึ่งจังหวะที่เขาบิดเร่งความเร็วเพื่อไปยังประตู 2 ครูปกครองจึงพยายามคว้าตัวจึงดึงไว้ได้นิดหน่อย ทำให้รถจักรยานยนต์ล้มไถลออกไปและไปโดนนักเรียนที่เดินบริเวณนั้น ครูปกครองก็รีบเข้าไปดูนักเรียนและครูปกครองที่อยู่บริเวณหน้าประตูก็มาช่วยกันล็อคก่อนเพื่อไม่ให้หนีและเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มานำตัวไป ซึ่งขณะนี้ในส่วนการดำเนินการคดีเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนนักเรียนที่ล้มตามที่ปรากฏในคลิปเป็นนักเรียนชั้นม.4 เวลานี้มาเรียนปกติและไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงแต่อย่างใด
“ยืนยันว่าโรงเรียนให้ความสำคัญกับมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยของเด็กทุกคน ที่โรงเรียนติดตั้งกล้องวงจรปิดโดยรอบถึง 241 ตัว เฉพาะใต้ตึกแม่พระรับสานส์ที่เกิดเหตุมี 4 ตัว ทุกวันจะมีครูปกครอง ครูเวรทำหน้าที่ดูแลใน 37 จุดยังมี รปภ.ด้วย และในระเบียบการรับส่งนักเรียน ตอนช่วงเช้าจะอนุญาตเพียงแค่ส่งหน้าประตู เวลาเย็นจะให้มารอบริเวณโรงอาหารก่อนถึงเวลาจึงจะเดินเข้าไปยังจุดที่อนุญาต ซึ่งในทุกจุดจะมีครูประจำคอยบล็อกไว้แต่ละชั้น กลางวันจะปิดประตูและเปิดอีกทีตอนช่วงเวลารับนักเรียน การเข้าออกก็ต้องมีการแลกบัตร แต่วันนั้นเขาอาศัยช่วงเวลาเลิกเรียนลักลอบเข้าไป และปกติวันจันทร์-วันพฤหัสที่มีการเรียนเสริมเด็กจะเลิก ทยอยกลับเป็นกลุ่มๆ เช่น เวลา 15.30 น. 17.00 น.และ 19.00 น. ยกเว้นวันศุกร์ที่ไม่มีการเรียนเสริมเด็กจะเลิกพร้อมกันเวลา 15.30 น.เท่ากับเด็กเกือบ 5,000 คนกลับพร้อมๆกันทำให้ในวันนั้นจึงมีเด็กจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุการณ์นี้เราก็ไม่คาดคิดและเป็นเรื่องปกติที่เด็กจะวางของไว้ตามจุดและไปทำกิจกรรม ส่วนพ่อแม่ ผู้ปกครองที่มารับส่วนใหญ่ก็จะรู้จักคุ้นเคยกันอย่างดี ยังให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือดูแลกันตลอด แต่จากนี้โรงเรียนจะเพิ่มมาตรการ เช่น ทำบัตรให้แก่ผู้ปกครองในการมารับ ส่วนนักเรียนเองจากที่สอบถามไม่ได้วิตกกังวลอะไร ส่วนหนึ่งเขามั่นใจในครูที่คอยดูแลเขา ส่วนการนำทรัพย์สินมีค่าติดตัวก็ได้กำชับแก่นักเรียนแล้ว”ภราดามณฑล กล่าว
ขณะที่ น้องพลุ นักเรียนชั้นม.4 ที่ปรากฏในคลิปว่าถูกจักรยานยนต์ไถลไปโดนจนล้ม กล่าวว่า วันนั้นตนกับเพื่อนอีก 2 คนกำลังจะกลับบ้านเดินคุยกันไปปกติจนถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงมาสเตอร์ตะโกนเฮ้ย ตนก็ตกใจหันไปดูแต่เห็นอีกทีรถก็มาถึงตัวแล้วหลบไม่ทันจึงล้ม โดนบริเวณล้อหน้าของรถแต่ตนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ตอนนั้นก็รู้สึกงงๆ ตกใจนิดหน่อย ก็มาเรียนได้ปกติแต่จากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ตนกับเพื่อน ระมัดระวังตัวมากขึ้น ไม่วางกระเป๋าทิ้งไว้หรือการเอาสิ่งของมีค่ามาโรงเรียนก็ดูให้เหมาะสม.-สำนักข่าวไทย